งานบอกตัวตน

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทละครมงกุฎแสงจันทร์ จากไทยรัฐ

.........




http://www.thairath.co.th/column/ent/mooncrown/45771





ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 โดย พัญสร

มงกุฎแสงจันทร์ 11/11/52

ตอนที่ 1

ในงานเฉลิมฉลองวันชาติของแคว้นปัญจารัตน์ แห่งกษัตริย์สิปปภาส
และองค์ราชินีสุกฤตา มหาเสนาบดีโกญจนาทผู้กระหายหิวอำนาจ
มักใหญ่ใฝ่สูงต้องการล้มล้างราชวงศ์จัน ทราภา เพื่อสถาปนาตัวเอง
เป็นใหญ่ ได้วางแผนส่งทหารฝ่ายตนไปลอบสังหารแม่ทัพสันธิ
ผู้จงรักภักดีต่อกษัตริย์สิ ปปภาสและแผ่นดินปัญจารัตน์ แต่แผนชั่ว
ไม่สำเร็จลุล่วง เพราะมีชายลึกลับมาช่วยเหลือแม่ทัพสันธิเอาไว้

สันธิมีบุตรชายหนึ่ง คนคือมาณสิงห์ ซึ่งเป็นองครักษ์ของเจ้าหญิงศิศิรา
และเจ้าชายธราเทพ พระธิดาและพระโอรสของกษัตริย์สิปปภาสกับ
ราชินีสุกฤตา มาณสิงห์มีใจรักและภักดีต่อเจ้าหญิงศิศิรา แต่ด้วยชนชั้นที่
แตกต่างทำให้ต้องหักห้ามความรู้สึกไว้

ในงานเฉลิม ฉลองวันชาตินี่เอง มาณสิงห์ได้ลงแข่งโปโลช้างกับทหารของ
แคว้นนิราษิณ แต่มาณสิงห์ผู้เก่งกาจสมชายชาติทหารที่ตอนแรกทำท่า
จะพิชิตชัยชนะ กลับมาพลาดท่าเอาตอนท้ายจนได้รับบาดเจ็บต้องหาม
ออกจากสนาม แต่แล้วเพียงชั่วครู่ก็มีชายร่างสูงใหญ่ลงสนามแข่งขันต่อ
ซึ่งทุกคนเข้าใจว่าเขาคือมาณสิงห์ ด้วยชุดที่เหมือนกันและต้องใส่หมวกปิดหน้า

แท้ที่จริงเขาคือทีฑายุ ลูกชายของกุททีอดีตที่ปรึกษาของกษัตริย์สิปปภาส
ที่ถูกทหารปัญจารัตน์ฆ่าตาย ต่อหน้าทีฑายุในวัยแปดขวบ
ทำให้ทีฑายุฝังใจตลอดมาว่ากษัตริย์สิปปภาสคือผู้สั่งฆ่าพ่อของตน

หลัง การแข่งขันซึ่งปัญจารัตน์เป็นฝ่ายชนะ ทีฑายุก็หายออกจากสนามไปทันที
แล้วไปโผล่ที่ปางช้างในสภาพเมาแอ๋ เผชิญหน้ากับเจ้าหญิงศิศิราที่
กำลังชื่นชมพญาน่านฟ้าช้างตัวเก่งที่กำชัยชนะ ให้แคว้นของเธอ...
การพบกันครั้งแรก ทีฑายุสร้างความไม่พอใจให้กับศิศิราด้วยถ้วยคำยียวน
กวนประสาท จนหญิงสาวต้องเป็นฝ่ายถอยหนี ทีฑายุมีเพื่อนสนิทสามคนคือ
ดรัณย์ ประสันต์ และมาลข่าน ซึ่งทุกคนล้วนแล้วแต่ ขี้เหล้า
สร้างความเบื่อหน่ายให้กับพ่อค้าแม่ขายจนขึ้นชื่อลือชา

หลังจากเจอ กันตอนกลางวันแล้วครั้งหนึ่ง ตกกลางคืนที่ชาวบ้านต่าง
ออกมาเที่ยวงานฉลองวันชาติ เจ้าหญิงศิศิราที่ปลอมตัวออกมาเที่ยว
ก็ต้องเจอกับทีฑายุอีกครั้งพร้อมกับ เพื่อนทั้งสามคนของเขา และการ
เจอกันครั้งที่สองก็ยิ่งทำให้ศิศิราเหม็นหน้าทีฑายุยิ่งขึ้นไปอีก
เพราะทีฑายุใช่แต่จะพูดจาไม่ดีกับเธอเท่านั้น เขายังพาดพิงไปถึงเสด็จพ่อของเธอด้วย

เมื่อกลับเข้าวัง ศิศิรารู้ข้อมูลของทีฑายุจากนางข้าหลวงญาณีว่าเขาเป็น
ผู้ชายที่น่าขยะแขยง ที่สุด ความชอบไม่มี ความดีไม่ปรากฏ รวมทั้งเพื่อน
สามคนก็หื่นห่ามสุดๆ แหล่งสิงสถิตของพวกเขาคือหอคณิกา...

ในหอคณิกา จตารี หญิงนางโลมผู้มีใจรักต่อทีฑายุอย่างจริงใจ เธอคอยเป็น
เพื่อนคุยและปลอบประโลมใจเมื่อยามทีฑายุมีเรื่องไม่สบายใจ ซึ่งทีฑายุวาง
เธอไว้แค่เพื่อนรู้ใจ เพราะผู้หญิงที่เขารักที่สุดมีเพียงคนเดียวก็คือนารียาผู้เป็นมารดา

ooooooo

หลัง จากสันธิถูกลอบสังหารแต่ไม่สำเร็จ โกญจนาทพยายามยุแหย่กษัตริย์
สิปปภาสให้เข้าใจว่าการกระทำครั้งนี้เป็นฝีมือ พวกนิราษิณ แต่พระองค์ไม่เชื่อ
เพราะมั่นใจในความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของนิราษิณที่มีต่อกันมายาวนาน

วัน ต่อมา เจ้าหญิงศิศิรากับเจ้าชายธราเทพเสด็จนอกเมืองเพื่อนำสิ่งของ
จำเป็นไปบริจาค แก่เด็กผู้ยากไร้ที่โรงเรียนร้าง แล้วเกิดการลอบปลงพระชนม์
ถึงแม้จะมีองครักษ์มาณสิงห์

ไปด้วย แต่เจ้าหญิงกับเจ้าชายก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด ถ้าไม่ได้ พวกทีฑายุมาช่วยไว้
แต่มาณสิงห์ที่ถูกทำร้ายจนสลบกลับเข้าใจผิดเมื่อฟื้นขึ้นมาเห็นทีฑายุกำลัง
ดูแลเจ้าหญิงศิศิราในสภาพหมดสติ มาณสิงห์เข้าใจว่าทีฑายุคือกบฏที่จะ
ปลงพระชนม์ เจ้าหญิงศิศิรา จึงจับตัวทีฑายุเข้ามาในท้องพระโรงเพื่อสำเร็จโทษ
แต่เมื่อกษัตริย์สิปปภาสรู้ว่าทีฑายุคือลูกชายของกุทที
พระองค์ ไม่เชื่อว่าลูกชายของคนซื่อสัตย์อย่างกุททีจะทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้
แม้โกญจนาทซึ่งเป็นตัวการจะพยายามโยนความผิดให้ทีฑายุก็ตาม

สันธิเอง ก็เชื่อในคำพูดของพระองค์ จึงได้แต่เตือนมาณสิงห์ลูกชายว่า
ขอให้ลูกห่วงใยเจ้าหญิงด้วยหน้าที่เท่านั้น เพราะเจ้าหญิงศิศิราไม่ใช่คนที่ลูกสมควร
จะห่วงด้วยหัวใจรัก... ทางด้านศิศิรา เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ยืนยันกับใครต่อใครว่า
ทีฑายุไม่ใช่โจร เขาเป็นคนที่ช่วยเหลือเธอและน้องชาย จากนั้นจึงมีการซักถาม
เรื่องครอบครัวของทีฑายุ ซึ่งหลังจากกุททีตาย ทุกคนที่นี่ไม่เคยได้ข่าวครอบครัวของเขาเลย

ทีฑายุบอกว่าเขาอยู่ กับแม่สองคน ไม่สบายนักแต่ก็ไม่ลำบาก
ราชินีสุกฤตาจะให้ทีฑายุพาแม่มาที่นี่ เพราะจำได้ว่านารียามีฝีมือด้านปักผ้า
แต่ทีฑายุบอกปัดว่าแม่ของเขาเลิกปักผ้าตั้งแต่พ่อตาย พอกษัตริย์สิปปภาสถามที
ฑายุว่าอยากเข้ามาช่วยงานที่นี่หรือเปล่า ทีฑายุก็ปฏิเสธอีก อ้างว่าสามัญชนอย่างเขา
ไม่รู้จักธรรมเนียมเจ้านาย ไม่เหมาะกับการเป็นข้ารับใช้ในวัง...

วันรุ่งขึ้น ข่าวลือเรื่องเจ้าหญิงศิศิราโดนพวกนิราษิณจับตัวก็แพร่สะพัดไปทั้งเมืองด้วย
ฝีมือของผู้ไม่หวังดีอย่างโกญจนาท ที่ต้องการทำให้บ้านเมืองระส่ำระสายไม่ปกติสุข
อีกทั้งโกญจนาทยังพยายามจะลอบปลงพระชนม์กษัตริย์

สิปปภาสให้ได้ แล้วคนชั่วก็สบโอกาส เมื่อกษัตริย์สิปปภาสต้องเสด็จออกจากวังไปช่วย
เหลือประชาชนของพระองค์ที่ กำลังเดือดร้อนเพราะเกิดน้ำท่วมหนัก โกญจนาทให้
ไมยาดินและทหารของตนอีกนับสิบที่นำขบวนเสด็จทำการปลงพระชนม์
กษัตริย์สิปปภาสในระหว่างการเดินทางจนสำเร็จสมใจ

เมื่อในวังรู้ข่าว ร้ายนี้ ทุกคนแตกตื่นตกใจและเศร้าใจไปตามกัน โดยเฉพาะองค์
ราชินีและธิดากับโอรส ต่างร่ำไห้เสียใจต่อการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่คาดคิด
แต่ด้วยหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อแผ่นดินและประชาชนต่อไป สุกฤตาจึงต้องเข้มแข็ง
สั่งทุกหน่วยงานเตรียมจัดพิธีสถาปนากษัตริย์องค์ใหม่ แห่งบัลลังก์ แสงจันทร์
หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีพระศพของกษัตริย์สิปปภาส

แต่ โกญจนาทไม่รับคำสั่งของราชินีอย่างแต่ก่อน ทำตัวกระด้างกระเดื่อง
อย่างชัดเจน จนสุกฤตามองออกและคอยระมัดระวังตัวมากขึ้น รวมทั้งเตือ
นลูกทั้งสองคนด้วยเช่นกัน... โกญจนาทเดินแผนเพื่อชิงอำนาจต่อไปด้วย
การสั่งคนของตนสังหารพวกเชื้อพระวงศ์ ทั้งหมด นั่นยิ่งทำให้สุกฤตายิ่ง
ต้องเร่งเวลาเพื่อสถาปนาเจ้าชายธราเทพเป็นกษัตริย์ องค์ต่อไป
ก่อนที่คนปัญจารัตน์จะแบ่งแยกห่ำหั่นกันเองเพราะการแย่งชิงอำนาจ

ooooooo

มงกุฎแสงจันทร์ 13/11/52


ตอนที่ 2 (ต่อจากวานนี้)

มาณสิงห์บอกว่า ที่จริงพวกมันสมควรรับโทษหนักกว่านี้
สุกฤตาจึงย้ำว่า เราแค่อยากตักเตือนให้คนเลือกข้างผิดรู้ว่า
ความจงรักภักดียังมีอยู่ในวังของ เรา ทันใดนั้นเอง โกญจนาท
ก็เดินหน้าตึงเข้าตำหนิมาณสิงห์

"วันนี้มีข่าวลือว่าราชองครักษ์มาณสิงห์มีเรื่องชกต่อยเหมือน
อันธพาลมากกว่าจะเป็นองครักษ์"

"ท่านก็พูดเองว่าข่าวลือ" สันธิแย้งทันที

"แต่...ไมยาดินบาดเจ็บ"

"คนเจ็บก็ต้องส่งไปรักษา...ศิศิรา ไปห้องปักไหมกับแม่" พูด
ขาดคำ สุกฤตาจะเดิน แต่โกญจนาทยืนตระหง่านไม่หลบทาง


"เมื่อใดที่ผู้นำขาดความยุติธรรม ประชาชนจะเสื่อมศรัทธานะพระเจ้าค่ะ"

"รู้ตัวหรือเปล่าโกญจนาท ว่ากำลังสั่งสอนใคร ทำไมไม่ทำสิ่ง
ที่ต้องทำ เช่นสำนึกตัวบ้างว่ากำลังยืนขวางทางเรา"

โกญจนาทยังเฉย จนเมื่อมีเสียงฝีเท้าดังเบาๆ โกญจนาทหัน
ไปเห็นทหารของราชินีถืออาวุธยืนล้อมทั่วทั้งห้อง จำต้องขยับ
หลบทางให้

"ขอให้ทรงพระเกษมสำราญในห้องปักไหมพระเจ้าค่ะ"

สุกฤตาเดินไปกับศิศิรา มาณสิงห์กับสันธิตามติด โกญจนาท
หันมองตามสองแม่ลูกที่เดินออกไปท่ามกลางวงล้อมของ
ทหารด้วยสายตาเกลียดชัง...

ครั้น ถึงเช้าวันสถาปนาธราเทพขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ ธราเทพ
กลับหายตัวไปจนทุกคนที่รอคอยในพิธีพากันแตกตื่น แต่แล้ว
จู่ๆ โกญจนาทก็จูงมือธราเทพเข้ามาด้วยรอยยิ้ม หลังจากแอบ
เข้าไปให้สัญญากับเด็กชายเป็นมั่นเหมาะว่า เขาจะทำทุกทาง
เพื่อเอาชีวิตฆาตกรใจทรามที่ฆ่าเสด็จพ่อของพระองค์มาคุก
เข่า ให้พระองค์ตัดคอ...

โกญจนาทพาธราเทพไปส่งถึงหน้าบัลลังก์ ก่อนจะถอยกลับ
มายืนประกาศอย่างเป็นทางการ

"เจ้า ชายปสุต ธราเทพ เทพาธิป มกุฎราชกุมาร ทรงพร้อม
แล้วสำหรับการเป็นยุวกษัตริย์ลำดับที่ 19 ของราชวงศ์จันทรา
ภา ในการณ์นี้กษัตริย์ธราเทพจะมีผู้สำเร็จราชการแทนจนกว่า
พระองค์จะบรรลุ นิติภาวะตามกฎมณเฑียรบาล และผู้มีอำนาจ
เต็มในการสำเร็จราชการแทนเจ้าชายธราเทพก็คือที่ปรึกษา
องค์ กษัตริย์ มหาเสนาบดีโกญจนาท"

"ไม่ได้!!" สุกฤตาคัดค้านพร้อมกับลุกขึ้นก้าวมายืนเผชิญหน้า
โกญจนาท ท่ามกลางสายตาลุ้นระทึกของทุกคน ในท้องพระโรง

ooooooo

ตอนที่ 3

บรรยากาศ ในท้องพระโรงตึงเครียดเต็มที่ เพราะโกญจนาท
แต่งตั้งตัวเองเป็นผู้สำเร็จราชการแทนยุวกษัตริย์ธราเทพที่มี
ชันษาเพียงแปดปี แต่ถูกราชินี

สุกฤตาคัดค้าน แล้วจะขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการเสียเอง รามปุระ
ซึ่งถือข้างโกญจนาทจึงออกโรงว่าแบบนี้ผิดกฎมณเฑียรบาล
สันธิที่จงรักภักดีต่อราชินีสุกฤตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน ยันว่ากฎ
มณเฑียรบาลห้ามผู้หญิงขึ้นครองราชย์ แต่ไม่ได้ห้ามการเป็น
ผู้สำเร็จราชการ หากมีเชื้อ พระวงศ์ที่เหมาะสม

เสียง เสนาบดีดังอื้ออึง โกญจนาทหันไปทางธราเทพ ต้อง
การได้รับคำยืนยันว่าให้ใครเป็นผู้สำเร็จราชการแทน แต่ยังไม่
ทันที่ธราเทพจะตอบ เสียงระเบิดด้านนอกดังสนั่นขึ้นจนทุกคน
แตกตื่นตกใจ สันธิกับมาณสิงห์และทหารของราชินีรีบเข้าคุ้ม
กันสุกฤตาและศิศิรา แล้วพาหลบลงไปยังห้องลับใต้ดิน เมื่อ
เห็นว่าธราเทพถูกทหารคุ้มกันออกไปปลอดภัยแล้ว

ด้านนอก พวกไมยาดินกำลังไล่จับตัวทีฑายุที่ทะเล่อ ทะล่า
เข้ามา โกญจนาทเดือดพล่านที่แผนชั่วของตนไม่เป็นไปดัง
หวัง เพราะทีฑายุเข้ามาวุ่นวาย จึงสั่งทหารจับมันให้ได้ ทั้ง
โยนความผิดว่าทีฑายุเป็นคนวางระเบิด เมื่อทีฑายุจวนตัวจึง
คว้าปืนจากทหารมาป้องกัน แต่ปืนเกิดลั่นกระสุนถากแขน
โกญจนาทเข้า โกญจนาทถึงกับร้องลั่นว่า ทีฑายุจะฆ่าเรา


มาณสิงห์ซึ่งเห็นเหตุการณ์จะเข้าจับตัวทีฑายุ แต่ทีฑายุยิงปืน
กราด พลางก็วิ่งหนี มาณสิงห์กับทหารวิ่งกรูตาม โกญจนาทที่
บาดเจ็บเล็กน้อยแต่เมื่อครู่แกล้งเจ็บมากมายลุกขึ้นมองตาม
ด้วยแวว ตาเจ้าเล่ห์ร้ายลึก

จากนั้นไม่นาน สันธิก็เข้ามาส่งข่าวสุกฤตากับศิศิราในห้องลับ
ใต้ดินว่า ทีฑายุวางระเบิดและยิงโกญจนาท ศิศิราไม่เชื่อ
เพราะทีฑายุไม่ใช่คนจิตใจเหี้ยมโหด ส่วนสุกฤตาอยากรู้ว่า
เหตุการณ์ภายนอกสงบหรือยัง แล้วองค์ธราเทพเป็นยังไง
สันธิบอกว่าหทารของเราคุ้มกันเจ้าชายแน่นหนา อีกส่วนกำลัง
ตรวจดูว่ามีระเบิดซุกซ่อนอยู่ที่ไหนอีก จู่ๆศิศิราก็โพล่งขึ้นมา
ว่า เราอยากออกไปจากห้องลับ เรารู้ว่าจะหาตัวทีฑายุได้ที่
ไหน

ศิศิราจะไปที่ห้องดนตรี แต่ถูกโกญจนาทในสภาพบาดเจ็บที่
แขนมาขวางไว้ โกญจนาทพยายามชี้ให้ทุกคนเห็นว่าทีฑายุ
เป็นคนร้าย แต่ศิศิราไม่เชื่อ ดึงดันไปจนได้ โกญจนาทจะก้าว
ตาม แล้วแกล้งซวนเซล้มลงหมดสติต่อหน้าสันธิและสุกฤตา
เพื่อถ่วงเวลาให้คนของตนจัดการทีฑายุให้ได้

มาณสิงห์ตามคุ้มกันศิ ศิรามาถึงห้องดนตรี ซึ่งทีฑายุหลบอยู่
ในห้องนี้จริงๆ แต่มาณสิงห์ไม่มีโอกาสรู้เห็น เพราะศิศิราให้
เขาเฝ้าอยู่หน้าห้อง ทีฑายุบอกความจริงว่าเขาไม่ได้ตั้งใจยิง
โกญจนาท ที่เข้ามาก็เพื่อจะดูว่าเจ้าหญิงปลอดภัยหรือเปล่า
แต่พอศิศิราจะพาเขาออกไปพบมาณสิงห์เพื่อจะได้พ้นผิด ที
ฑายุกลับรีบเตือนศิศิราว่าในวังไม่ปลอดภัย ให้ระวังตัว อย่า
เชื่อใจใคร พูดจบก็ปีนหน้าต่างออกไปทันที

แต่พอตกดึก ทีฑายุก็เข้ามาช่วยชีวิตสุกฤตากับศิศิราให้รอด
พ้นจากเงื้อมมือทหารของ โกญจนาท แล้วตัดสินใจพาทั้งคู่
หลบไปยังบ้านของเขา โดยที่สันธิไม่รู้เห็น เพราะขณะนั้นสันธิ
ถูกทหารของโกญจนาทปามีดเข้าที่ท้องจนทรุด ส่วนมาณสิงห์
ตอนชุลมุนก็ถูกยิงบาดเจ็บ ซึ่งศิศิราที่ฉุดมือสุกฤตาวิ่งตามที
ฑายุหันไปเห็นเต็มตา

นารียาแม่ ของทีฑายุเต็มใจต้อนรับสุกฤตาและศิศิรา แต่ไม่
ชอบใจที่ลูกชายเข้าไปเกี่ยวข้องภายในวัง เพราะอดีตทำให้
นารียายังเจ็บปวดไม่หาย เมื่อเธอต้องสูญเสียสามีไปอย่างไม่
มีวันกลับ เธอจึงไม่ต้องการให้ลูกชายคนเดียวมีชะตากรรม
แบบนั้น ในขณะที่สุกฤตาก็ลอบสังเกตความสนิทสนมของ
ศิศิรากับทีฑายุอย่างเป็นกังวล ครั้นมีโอกาสเหมาะจึงเตือนกึ่ง
ปรามศิศิราให้ตระหนักถึงฐานะของตัวเอง ถึงทีฑายุจะไม่ใช่
คนโหดเหี้ยมและเสี่ยงภัยช่วยเรา แต่เขาก็เป็นแค่สามัญชน


เมื่อ ได้ยินศิศิราบ่นเป็นห่วงมาณสิงห์ที่ถูกยิง และอยากรู้ข่าว
ในวัง ทีฑายุอดพูดประชดประชันเธอไม่ได้ แต่พอลับหลังเขา
ก็ส่งเพื่อนทั้งสามเข้าไปสืบข่าว โดยให้อ้างว่ามาสอนดนตรี
เจ้าชายธราเทพ เมื่อมาณสิงห์ที่ยังบาดเจ็บพบเห็นเพื่อนของ
ทีฑายุก็จำได้ จึงข่มขู่คาดคั้นให้บอกมาว่าทีฑายุลักพาตัว
ราชินีกับเจ้าหญิงไปไว้ที่ไหน สามคนกลัวหัวหดแต่ก็ไม่ยอม
ปริปากตามที่ทีฑายุสั่งเอาไว้ ได้แต่ยืนยันว่าเจ้าหญิงทรง
ปลอดภัยดี ทหารของมาณสิงห์เลยจ่อปืนเข้าใส่ สามคนตกใจ
ถึงกับแหกปากลั่น แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ บอกมาณสิงห์ว่า ต่อ
ให้ พวกเราตาย ท่านก็ไม่ได้เจอเจ้าหญิง องค์ราชินีกับเจ้า
หญิงไม่ทิ้งวังไปแน่ ต้องทรงกลับมาหาเจ้าชายธราเทพ ถ้า
ท่านอยากเจอเจ้าหญิงก็รีบปัดกวาดเช็ดถูวังซะ ไม่ใช่มาคอย
ถือปืนยืนขู่ ชาวบ้านแบบนี้...มาณสิงห์พูดไม่ออก ได้แต่มอง
ทั้งสามคนอย่างเหม็นน้ำหน้า

เย็น นั้น มาณสิงห์พยุงสันธิมาเยี่ยมโกญจนาทที่ยังแกล้งนอน
เจ็บอยู่ในโรงพยาบาลทหาร พอรู้ข่าวคืบหน้าว่าสุกฤตากับ
ศิศิราอยู่ในที่ที่ปลอดภัย โกญจนาทอยากรู้ว่าที่ไหน สองพ่อ
ลูกเงียบกริบเพราะไม่รู้จริงๆ แต่เมื่อถูกโกญจนาทที่ทำกระตือ
รือร้นเป็นห่วงทั้งสองพระองค์ตำหนิ สันธิจึงโพล่งขึ้นว่า

"เราส่งทหารไปอารักขาสองพระองค์แล้ว"

"แล้วท่านทำไมไม่ไปเอง"

"เพราะเราต้องอยู่สะสางคดีระเบิดและคดีโจรชั่วลอบเข้าห้อง
บรรทมองค์ราชินี"

"สายไปแล้ว สันธิ...รามปุระจับตัวหัวหน้ากบฏได้แล้ว"

สอง พ่อลูกตกใจกับข่าวที่ได้ยิน แล้วไม่ทันที่สันธิจะทำการ
สอบสวนหัวหน้ากบฏ รามปุระก็ชิงสังหารแพะรับบาปคนนั้นไป
เสียก่อน โดยดึงเอานายพลวิชัยเข้ามาร่วมรู้เห็น เพื่อกันข้อครหา

ooooooo

การ ได้มาอยู่ในชายคาเดียวกันทำให้ศิศิรากับทีฑายุมีโอกาส
ใกล้ชิดกันมากขึ้น ทีฑายุชอบล้อชอบแหย่ศิศิรา บางครั้งก็
แรงเกินไปจนเธอร้องไห้...

ญาณี นางข้าหลวงของเจ้าหญิงศิศิราก็เป็นอีกคนที่กระวน
กระวายใจอยากรู้แหล่งซ่อน ตัวของเจ้าหญิงกับราชินีสุกฤตา
ค่ำนี้เองญาณีตัดสินใจไปโวยวายคาดคั้นเพื่อนๆของทีฑายุถึง
หอคณิกา ทำให้จตารีไม่พอใจ และกลายเป็นโกรธจัดเมื่อ
ญาณีคว้าตัวนางโลมวัยรุ่นคนหนึ่งมาเป็นตัวประกัน ถ้าประ
สันต์ มาลข่าน และดรัณย์ไม่ยอมบอกว่าเจ้าหญิงอยู่ที่ไหน
ญาณีจะฆ่านางโลมคนนี้ด้วยมีดในมือ

แล้วจตารีกับญาณีก็ตบตีกันอุตลุด ท่ามกลางเสียงห้ามของ
สามหนุ่ม ผสมผสานกับเสียงเชียร์ของบรรดานางโลมที่อยู่
ข้างจตารี และคอยซ้ำญาณีทุกทีเมื่อมีโอกาส กว่าสามหนุ่มจะ
ห้ามสำเร็จ ญาณีก็โดนไปหลายดอก แต่ยังไม่วายปากเก่งร้อง
ท้าพวกจตารีเหย็งๆ จนประสันต์ต้องลากออกไปพ้นหอคณิกา
แล้วด่าซะญาณีใบ้กินไปเลย...

หลัง สงบสติอารมณ์ จตารีบ่นกับดรัณย์ว่าทีฑายุจะเก็บตัวเจ้า
หญิงไว้นานๆทำไม มีแต่เรื่องเดือดร้อน หรือว่าตั้งใจจะ...
ดรัณย์เห็นจตารีชะงักเงียบไป จึงรุกเร่งว่า จะอะไร?


"ไม่รู้นี่คะ ผู้ชายกับผู้หญิงใกล้กัน น้ำมันกับไฟ"

"ถ้าไม่รู้จักกัน ผมคงคิดว่าจตารีหึงเจ้าหญิง" ดรัณย์พูดยิ้มๆ
ไม่คิดเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่แววตาจตารีสลดลงทันทีด้วย
ความเสียใจ...
เช้า วันรุ่งขึ้น สันธิแต่งตัวเป็นชาวบ้านแอบมาดักจับตัวนารียา
จากตลาดไปยังริมน้ำที่มีกอง ทหารของเขารออยู่ แล้วจากนั้น
ไม่นาน สุกฤตาในคราบหญิงชาวบ้านก็มาปรากฏตัว

(อ่านต่อพรุ่งนี้)

มงกุฎแสงจันทร์ 14/11/52

ตอนที่ 3 (ต่อจากวานนี้)

"จับคนขัดขวางลูกเราขึ้นเป็นกษัตริย์ได้หรือยัง"

"กบฏถูกโกญจนาทสั่งประหารแล้วพระเจ้าค่ะ"

"โกญจนาทเอาอำนาจอะไรมาสั่งแทนเรา" สุกฤตาน้ำเสียง
ไม่พอใจอย่างมาก สันธิได้แต่ก้มหน้านิ่ง...

ขณะ เดียวกันนั้น ทีฑายุกับศิศิราเดินเล่นชมธรรมชาติ
ไปตามเนินเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า แถมยังมี
กระต่ายให้ศิศิราได้อุ้มเล่น ศิศิราร่าเริงมีความสุขเดินห่าง
จากทีฑายุ ที่นอนเอกเขนกบนเนินไปอีกด้าน พอเธอปล่อย
กระต่ายน้อยลงตรงบริเวณสวนดอกไม้ เห็นมันวิ่งไปได้สักครู่
เสียงปืนก็ดังปังขึ้นจนเธอสะดุ้ง แล้ววิ่งตามไปเห็นเจ้ากระต่าย
โดนยิงตายด้วยฝีมือของสาวสวยคนหนึ่งที่ยืนอยู่ ไม่ไกล

"กระต่ายมีเจ้าของเหรอเนี่ย" เสียงเธอดังขึ้น พร้อมๆกับย่างก้าวตรงมา

"กระต่าย ของเรา" ศิศิราเสียงแข็ง และสั่งเฉียบเมื่อเห็น
กระต่ายอีกตัววิ่งมา แล้วสาวสวยใจเหี้ยมหันมองตามตาเป็นมัน "ห้ามยิงกระต่ายของเรา!"

"เธอ เป็นใครถึงมาขึ้นเสียงสั่งฉัน ฉันมีสิทธิ์จะยิงทุกชีวิตแถวนี้
เพราะฉันคือเจ้าของที่นี่...ตอบมาสิว่าเธอเป็นใคร มา ทำอะไรแถวนี้"
หญิงสาวนามกัญญาภัคไม่พูดเปล่า ยกปืนขึ้น เล็งขู่ แต่ศิศิราไม่มีท่าที
สะทกสะท้าน กลับเชิดหน้าตอบเสียงแข็ง

"เราชื่อน้ำค้าง เรามาหาญาติ"

"อ๋อ เป็นญาติคนเฝ้าไร่ วันหลังอย่าให้กระต่ายมาเพ่นพ่านเกะกะขวางทาง"

"กระต่ายตัวเล็กนิดเดียวจะขวางทางใครได้"

"ขวางทางฉันไง มันถึงต้องตาย"

ศิ ศิราคร้านที่จะต่อความยาวกับคนอวดเบ่ง เธอเก็บซาก
กระต่ายขึ้นมาแล้วปรายตามองหมิ่นหญิงสาวตรงหน้าก่อนเดิน
จากไป กัญญาภัคตวัดสายตามองตามด้วยความหมั่นไส้ และยิ่ง
ไม่พอใจอย่างแรงเมื่อเธอไปหาทีฑายุที่บ้านแล้วไม่เจอ กลับ
มาเจอเขาหยอกล้อสนิทสนมอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อน้ำค้างคนนี้ แต่
กัญญาภัคก็ไม่ปรากฏตัวให้ทีฑายุเห็น

ทีฑายุแบกศิศิราซึ่งถูกกิ่งไม้ ตำเท้ากลับมาถึงบ้าน เป็น เวลาที่สุก
ฤตากำลังรอลูกสาวเพื่อจะกลับวังด้วยกองทหารของสันธิมารอรับอยู่
ตรงทางเข้าแล้ว...หลังจากให้ศิศิราเข้าไปเปลี่ยน เสื้อผ้าในบ้าน
โดยมีนารียาตามมาดูแลช่วยเหลือ สุกฤตาบอก กับทีฑายุว่า
โทษของเขาที่ยิงโกญจนาทจะถูกลบล้างด้วยความ ช่วยเหลือ
เราสองแม่ลูกครั้งนี้ ทีฑายุฟังแปร่งหู เอ่ยถามทันที

"คงเชื่อว่าผมตั้งใจยิง"

"มีเหตุผลอะไรที่เธอจะตั้งใจยิง ถ้าไม่ใช่การป้องกันตัว"

"ชนชั้นขี้ข้าไม่มีสิทธิ์ป้องกันตัว เบื้องบนสั่งตายก็ต้องตาย"

"แต่ชีวิตเธอจะไม่สูญเปล่า ถ้าตายเพื่อราชบัลลังก์"

"เสียใจด้วยครับ ที่ความจงรักภักดีของผมไม่เอ่อล้นท่วม
หัวท่วมหูมากเท่าพ่อ"

"แต่เราก็หวังว่าความจงรักภักดีของเธอจะไม่น้อยกว่า
ประชาชนคนอื่น เพราะเธอเกิดในแผ่นดินนี้ ถือว่าเป็นลูกหลาน
ของปัญจารัตน์"

"งั้นก็คงเป็นลูกหลานนอกไส้ เพราะยังไม่มีอภิสิทธิ์เหนือชีวิตคน
อื่นเหมือนพวกลูกท่านหลานเธอ"

ที ฑายุมองตอบโต้สายตาสุกฤตาอย่างไร้ความเกรงกลัว ส่วนในบ้าน
นารียาก็วางตัวและพูดจาห่างเหินเสียจนศิศิราหน้าเศร้า
ทั้งที่เธอตั้งใจดีไม่อยากให้นารียาพินอบพิเทาต่อเธอนัก
ก็ได้ ที่สำคัญนารียาย้ำแล้วย้ำอีกเรื่องการช่วยเหลือว่าเป็นหน้าที่
เราสองแม่ลูกอยู่ใต้พระมหากรุณาธิคุณ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทีฑายุ
ได้ทำลงไปคือทำตามหน้าที่ข้าของแผ่นดิน และหลังจากนี้ก็หวังว่า
เราสองแม่ลูกจะได้อยู่กันเหมือนเดิม ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นวายใดๆอีก...

ในระหว่างที่สุกฤตากับ ศิศิราไม่อยู่วัง โกญจนาทกับไมยาดินถือโอกาส
เสี้ยมสอนธราเทพให้มีนิสัยแข็งกร้าวดุดัน โดยสอนให้ธราเทพยิงธนู
ให้นึกว่าเป้ารูปคนคือกบฏ มาณสิงห์ ที่แอบสังเกตการณ์ห่างๆ รู้สึกเป็น
กังวลไม่น้อย ด้วยกลัวธราเทพ จะถูกคนชั่วอย่างโกญจนาทครอบงำ

อีกด้านหนึ่งในค่ายทหาร ธนูเพลิงทหารคนสนิทของมาณสิงห์แอบ
ได้ยินรามปุระคุยกับนายพลวิชัยเรื่องสับ เปลี่ยนกำลังทหาร
ซึ่งนายพลวิชัยแปลกใจทำไมแม่ทัพสันธิถึงไม่มาประชุมด้วย
พอรามปุระบอกว่าแม่ทัพสันธิคงจะไปคอยรับใช้ องค์ราชินี
วิชัยจึงถามกึ่งตำหนิรามปุระทันทีว่า องค์ราชินีจะ เสด็จกลับมาเมื่อไหร่
เรื่องสำคัญอย่างนี้ทำไมท่านไม่แจ้งเรา

"ไม่เอาน่าท่านวิชัย ยังไงท่านสันธิก็มีหน้าที่ไปรับองค์ ราชินีอยู่แล้ว
เราก็แค่เตรียมการต้อนรับให้สมพระเกียรติอยู่

ที่ นี่ก็พอ" รามปุระพูดแล้วหัวเราะในลำคอ...ธนูเพลิงค่อยๆถอย
ออกมาเงียบกริบ แล้วไปแจ้งแก่มาณสิงห์ว่ารามปุระเปลี่ยนเอา
ทหารของนายพลวิชัยมาอารักขาทั้งวัง วางกำลังทหารใหม่ตั้งแต่
ประตูเมือง มาณสิงห์ร้อนใจมากรีบให้ธนูเพลิงไปส่งข่าวพ่อ
ของเขา บอกว่าขบวนเสด็จกลับวันนี้จะไม่ปลอดภัย

ooooooo

ตอนที่ 4

โชค ดีที่ธนูเพลิงไปส่งข่าวทันเวลา พวกโกญจนาท และวิชัยที่รอรับ
เสด็จองค์ราชินีกับเจ้าหญิงจึงผิดหวังไปตามกัน เมื่อเห็นสันธิก้าว
ลงมาจากรถโดยปราศจากสองพระองค์ ซึ่งสันธิตอบคำถามของวิชัยว่า
องค์ราชินียังไม่มีรับสั่งว่าจะเสด็จกลับจากพักผ่อน โกญจนาทจึงประชดทันที

"บ้านเมืองวุ่นวาย องค์ราชินีทรงมีแก่ใจพักผ่อน"

"ก็ มีท่านทำงานเป็นข้ารองบาทอยู่ทั้งคน คงไม่มีอะไร ต้องกังวล"
สันธิพูดจบก็เดินเลยทุกคนเข้าไปในวัง ธนูเพลิง ก้าวตาม...รามปุระ
มองตามไม่พอใจ ก่อนจะหันมาบ่นที่สันธิ เรียกพวกเราว่าข้ารองบาท
วิชัยซึ่งยังจงรักภักดีต่อองค์ราชินีจึงย้ำว่า สันธิเรียกถูกแล้ว
พวกเราคือข้ารองบาท มีหน้าที่ทำทุกอย่างเพื่อความสบายใจของพระองค์

"แล้วความสุขของ ประชาชนส่วนใหญ่ล่ะ เป็นหน้าที่ของใคร...
ขวัญกำลังใจชาวบ้านจะมาจากไหน ในยามบ้านเมืองกำลังผลัดเปลี่ยน
และต้องการผู้นำที่เข้มแข็ง" โกญจนาทตั้ง

คำถาม วิชัยมองสบตาโกญจนาทด้วยอยากหยั่งรู้ใจอีกฝ่าย...

ด้าน มาณสิงห์ที่ตั้งใจจะไปรับองค์ราชินีกับเจ้าหญิงกลับวังด้วยตัวเอง
ก็ต้องชะงักไปเมื่อสันธิบอกลูกชายว่า พระองค์มีคนที่ไว้ใจที่สุดจะ
นำเสด็จกลับวังแล้ว

สุกฤตาวางตัวทีฑา ยุไว้โดยไม่บอกกล่าวเขาล่วงหน้า กระทั่งตก
เย็นยังไม่เห็นเงาของทีฑายุ สุกฤตาจึงให้ศิศิราไปตาม แต่ศิศิรา
ไปเห็นทีฑายุกับกัญญาภัคคุยหยอกล้ออยู่ด้วยกันที่ริมบึง และเห็น
ฝ่ายหญิงหอมแก้มฝ่ายชายด้วย ศิศิรารู้สึกโหวงๆพิกล เลยตัดสินใจ
เดินดุ่ยไปอีกทาง

เมื่อทีฑายุแยกจากกัญญาภัคกลับมาถึง บ้านต้องแปลกใจ ที่พบสุกฤตา
อยู่กับแม่ของเขา ทั้งที่เมื่อเช้าเห็นรีบร้อนจะกลับ วัง...พอรู้ว่าสองแม่ลูก
ยังจะค้างที่นี่อีกคืน โดยให้ศิศิราออกไปตามเขา ทีฑายุทำหน้างงๆ
บอกไม่เจอเจ้าหญิง พูดแล้วก็หันหลัง เดินออกจากบ้านทันที
สุกฤตามองตามอย่างจับสังเกต

ศิศิรางอนไม่ยอมพูดคุยกับทีฑายุ หลบเข้าห้องตั้งแต่ยังไม่ค่ำ
ทีฑายุจึงปีนหน้าต่างเข้ามาเผชิญหน้าในห้องนอน ชายหนุ่มต่อว่าศิศิรา
เป็นเจ้าหญิงเกเร เอาแต่ใจและขี้งอน เมื่อไหร่ จะกลับวัง หรือว่าองครักษ์ติดภารกิจด่วน
ยังมารับไม่ได้ ศิศิรา ไม่พอใจที่ทีฑายุประชดพาดพิงไปถึงมาณสิงห์
จึงตัดบทว่าเธอไม่อยากคุยกับคนพาล

"อย่ามาไล่ ที่นี่บ้านผม"

ศิศิราเงียบไป ทีฑายุขยับเข้ามาใกล้ ศิศิราคว้าหมอนฟาดใส่เขาทันที

"เรา ไม่ได้ตั้งใจจะอยู่เป็นก้างขวางคอใคร" น้ำเสียงงอนๆ ของศิศิราทำให้
ทีฑายุงุนงงสงสัยว่าก้างอะไร ใครคือก้าง? แต่ยังไม่ทันจะต่อปากต่อคำกันอีก
นารียาเคาะประตูจะเอาอาหารเข้ามาให้ศิศิรา ทีฑายุเลยต้องเผ่นออกไป
ทางหน้าต่างอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกันนั้น โกญจนาทกลับมาที่บ้านของตนซึ่งอยู่นอกวัง
เห็นแสงเทียนตกแต่งสว่างไสว คนรับใช้ถืออาหารวุ่นวาย
เขากำลังจะเรียกคนรับใช้มาสอบถาม ก็พอดีสินาตีเดิน
เยื้องย่างออกมาด้วยมาดนางพญา

"ทำงานรับใช้ราชวงศ์จนลืมวันลืมคืนเชียวเหรอคะท่าน
วันนี้ลูกกัญญาภัคกลับมาจากเมืองไทย"

โกญจนาท เพิ่งนึกได้ แต่ก็วางเฉยเมื่อกัญญาภัคมาก้ม กราบที่ตัก
และคุยอวดว่าเธอเรียนได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ตั้งใจว่าจะกลับมาช่วยงานพ่อ

"งานบ้านงานเมืองไม่ใช่หน้าที่ผู้หญิง" ถ้อยคำของพ่อ ทำให้กัญญาภัคหน้าเสีย
แล้วยอกย้อนอย่างถือดี

"นี่ละค่ะ ที่ทำให้ปัญจารัตน์ล้าหลังกว่าบ้านเมืองอื่น เพราะความเชื่อโบราณคร่ำครึ"

"เพราะฉันไม่เคยเชื่อถือน้ำหน้าคนรุ่นใหม่...สิ้นคิด ดีแต่ยอกย้อน
ท้าทายทั้งที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม"

"ท่าน คะ ลูกอุตส่าห์จากบ้านไปเรียนตั้งหลายปี ทั้งหมด ก็เพื่อเป็นหน้าเป็นตา
ในฐานะลูกสาวคนเดียวของท่านโกญจนาท" สินาตีพูดยิ้มแย้มสุดปลื้ม
ตรงข้ามกับโกญจนาทที่สีหน้าเรียบนิ่งย้ำเสียงต่ำคำว่า "ลูกสาว"
แล้วมองเมินไปทางอื่น ทำเอากัญญาภัคหน้าร้อนผ่าวแต่ยังเชิดถือดี

"กัญญาขอไปพักผ่อนก่อนค่ะ เดินทางมาเหนื่อย"

ทันทีที่ลูกสาวพ้นไปจากห้อง สินาตีก็ขยับเข้ามาต่อว่า โกญจนาท

"ท่านควรจะเห็นแก่ลูกของเราบ้าง"

"ลูกเธอคนเดียวต่างหาก สินาตี...อย่าให้ฉันต้องรื้อฟื้นความจริงมาพูดกันเลย"

กัญญา ภัคยืนแนบผนังฟังอยู่ด้วยแววตากดดัน จากนั้น
ก็ไประบายอารมณ์ลงกับรักเร่ สาวใช้คนสนิท จนรักเร่ถูกน้ำร้อนลวก
มือพองไปหมด ด้านสินาตียังคงตามติดโกญจนาท สอบถามกึ่งเยาะ
เรื่องงานใหญ่ของเขา ซึ่งเธอหวังว่าเธอไปรับลูกกลับมาแล้วเรา
จะได้ย้ายจากบ้านหลังนี้ไปอยู่ในวัง จันทราภา

(อ่านต่อพรุ่งนี้)



มงกุฏแสงจันทร์ 16/11/52




ตอนที่ 4 (ต่อจากวานนี้)

ถึงแม้ขาจะเดี้ยง แต่กัญญาภัคก็ยังอุตส่าห์ออกฤทธิ์เดชได้อีก
ทำเอาญาณีกับส้มเสี้ยวเอือมระอา พอเห็นดรัณย์ โผล่เข้ามา
และพูดถึงทีฑายุทำนองว่ามาด้วยกัน กัญญาภัคตาหูพอง สั่ง
มาณสิงห์พาเธอไปหาทีฑายุ แต่มาณสิงห์ดันชิ่งไปเสียก่อน
เพราะกลัวทีฑายุจะได้ใกล้ชิดศิศิราตามลำพัง ครั้นกัญญาภัค
ออกคำสั่งกับญาณี ส้มเสี้ยว และดรัณย์ ให้พาเธอไปที ทั้ง
สามคนกลับทำชมนกชมไม้ไม่ได้ยินซะงั้น กัญญาภัคโมโห
สุดๆ ก้าวพรวดออกไปด้วยตัวเองแล้วสะดุดหินล้มคะมำ กลาย
เป็นตัวตลกให้ญาณีกับส้มเสี้ยวหัวเราะกันเอิ๊กอ๊าก

เมื่อกลับไปถึงบ้าน กัญญาภัคยังโมโหไม่หาย มั่นใจว่าศิศิรา
ให้เด็กเลี้ยงช้างกับสาวใช้แกล้งเธอ สินาตีรับฟังและขอให้ลูก
อดทนไว้ก่อน

"ไม่ค่ะ กัญญาไม่อยากทน เจ้าหญิงก็แค่คนคนนึง"

"แต่ที่นี่ความจงรักภักดีอยู่เหนือสิ่งอื่นใด"

"อีก ไม่นานหรอกค่ะแม่ ความจงรักภักดีจะถูกลบด้วยอำนาจ
ทุกคนจะได้รู้ว่า คนที่จะเป็นเจ้าหญิงได้ไม่ใช่แค่ศิศิรา... ทันที
ที่ความฝันของพ่อสำเร็จ" กัญญาภัคมองไปไกล แววตามาด
หมายสิ่งที่อยู่สูงกว่าฐานะตน ไม่ต่างจากพ่อและแม่...


ooooooo

ตอนที่ 5

เกิดการขัด แย้งกันอีกครั้งระหว่างโกญจนาทกับสุกฤตา เมื่อ
โกญจนาทต้องการเก็บภาษีประชาชนด้วยการเขียนเป็น
กฎหมายขึ้นมา แต่สุกฤตาไม่เห็นด้วยเพราะไม่อยากให้
ประชาชนเดือดร้อน...สองฝ่ายทุ่มเถียง กันด้วยเหตุผล ที่สุด
โกญจนาทก็เป็นฝ่ายชนะ เพราะเสนาบดีส่วนใหญ่ที่มีสิทธิ์
ออกเสียงแบบประชาธิปไตยถูกโกญจนาทครอบงำไว้ หมด
แล้ว ส่วนบางคนที่ยังฝักใฝ่ ฝ่ายสุกฤตา ก็ถูกไมยาดินลอบ
สังหารหมดสิ้นในคืนนี้เอง

จากนั้น รามปุระและทาอูก็เตรียมข้าวของไปแจกจ่าย
ประชาชนให้อยู่ดีกินดีตามนโยบายของ โกญจนาท พร้อมกัน
นี้ก็ปล่อยข่าวลือไปด้วยว่าในวังจะขึ้นภาษี เพราะองค์ราชินีจะ
ซ่อมวังใหม่ เมื่อสันธิกับมาณสิงห์รู้ข่าวนี้จากธนูเพลิงที่คอยจับ
ตาความเคลื่อนไหวของ พวกโกญจนาท สองพ่อลูกจึงเร่ง
หารือกันเป็นการเร่งด่วน ว่าจะทำอย่างไรกับโกญจนาทที่นับ
วันยิ่งเหิมเกริมถึงขนาดใส่ร้ายองค์ราชินี ทั้งที่พระองค์
พยายามยับยั้งกฎหมายปล้นชาวบ้านที่พวกมันเขียนกันขึ้น


ใน ที่สุดสันธิก็ตัดสินใจวางแผนปลิดชีพคนชั่วอย่าง
โกญจนาท เพื่อไม่ให้เสนียดจัญไรแปดเปื้อนราชบัลลังก์แสง
จันทร์ ไปมากกว่านี้ โดยสันธิกำหนดมือสังหารเป็นธนูเพลิง
และต้องลงมือในวันนี้ให้ได้ ธนูเพลิงใส่หมวกพรางใบหน้าและ
พยายามอย่างยิ่งที่จะทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ สำเร็จ
ลุล่วง แต่มันไม่ง่ายอย่างที่หวัง ธนูเพลิงไปซุ่มยิงโกญจนาท
ขณะออกจากบ้านในตอนเช้า แต่กระสุนพลาดจากจุดสำคัญ
ไปโดนขาของโกญจนาท แล้วธนูเพลิงก็ต้องหนีการตามล่า
ของทหารโกญจนาทหัวซุกหัวซุน สุดท้ายไปจนมุมตรง
หน้าผา เลยต้องตัดสินใจกระโดดลงไปอย่าง ไม่รู้ชะตากรรม


โกญจนาท ทั้งเจ็บตัวและเจ็บใจที่ถูกลูบคม แม้จะไม่เห็นหน้า
ว่ามันคือผู้ใด แต่เขาก็รู้ว่าเป็นคนของใคร ด้านมาณสิงห์ก็
กำลังร้อนใจหลังทหารของตนมาบอกว่าไม่เจอศพธนูเพลิงที่
หน้าผา หลังจากนั้นสองพ่อลูก สันธิกับมาณสิงห์ก็แยกย้ายกัน
นำทหารมาอารักขาสุกฤตาและศิศิรา สุกฤตาอยู่กับธราเทพที่
ห้องหนังสือ พอเห็นสันธิเอากำลังทหารเข้ามาเพิ่ม สุกฤตา
แปลกใจ และคาดคั้นจนสันธิต้องยอมบอกความจริงเรื่องลอบ
ฆ่าโกญจนาท แต่ลงมือไม่สำเร็จ สุกฤตาใจหายวาบ เป็นห่วง
ความปลอดภัยของลูกๆขึ้นมาทันที

ขณะ เดียวกันนั้น มาณสิงห์ก็นำทหารกลุ่มหนึ่งไปที่ปางช้าง
เพื่ออารักขาศิศิรา ญาณีเห็นท่าทีของพวกมาณสิงห์แล้วอด
แซวไม่ได้ว่า รีบร้อนอย่างกับจะเกิดสงคราม ขณะที่ศิศิราก็นึก
สงสัยว่าอาจมีเรื่องไม่ดี จึงยื่นคำขาดกับมาณสิงห์ว่า ถ้าเขาไม่
เล่าให้ฟัง ก็อย่ามาพูดกับเธออีก

สุก ฤตาคิดว่าเสือบาดเจ็บอย่างโกญจนาทต้องไม่หยุดแค่นี้แน่
...แล้วก็เป็นจริง เมื่อโกญจนาทสั่งไมยาดินแก้แค้นด้วยการ
ลอบยิงขาศิศิราด้วยปืนเก็บเสียง ขณะเธออยู่ในห้องดนตรี คน
เดียวยามค่ำคืน โชคดีที่ทีฑายุเข้ามาเจอศิศิราหลังจากไมยา
ดินกระโดดหายไปทางหน้าต่างได้ครู่ เดียว ส่วนมาณสิงห์ยัง
คอยอารักขาอยู่ด้านนอก โดยไม่รู้เลยว่าในห้องเกิดเหตุร้าย
แรงขึ้น

ทีฑายุพาศิศิราออกจากวัง เพื่อจะไปที่บ้านของเขา แต่ระ
หว่างทางศิศิราหน้าซีดจัดเพราะเจ็บแผล จึงต้องหยุดพักที่
กระท่อมกลางป่า ด้านไมยาดินหลังทำงานเสร็จก็รีบไป
รายงานโกญจนาท เวลานั้นกัญญาภัคเพิ่งจะกลับเข้าบ้าน พอ
รู้ว่าไมยาดินทำให้ศิศิราบาดเจ็บที่ขาข้างเดียวกับพ่อของเธอ
กัญญาภัครู้สึกสะใจไม่แพ้คนเป็นพ่อ ที่ตอนนี้อารมณ์เบิกบาน
ไม่มีอาการเจ็บแผลที่ขาสักนิด

ooooooo

หลังแว่วข่าวว่าศิศิรา ถูกลอบยิงและหายตัวไปจากวัง รุ่งเช้า
มาณสิงห์จึงกระหืดกระหอบไปค้นบ้าน ทีฑายุ เมื่อไม่เจอทั้งที
ฑายุและศิศิรา มาณสิงห์ก็พูดจาข่มขู่นารียาแม่ของทีฑายุ
ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปที่หอคณิกา แต่ไม่พบแม้แต่เงาของทั้งคู่
อีก และเกือบจะมีเรื่องกับเพื่อนทั้งสามคนของทีฑายุกับจตารี
ที่ไม่พอใจอย่างแรงกับท่าทางและคำพูดแสดงอำนาจของมา
ณสิงห์

ที่ กระท่อมกลางป่า ศิศิราเดินพยุงตัวออกมาเห็นทีฑายุกำลัง
ปิ้งปลากลิ่นหอมชวนหิว ทีฑายุยื่นปลาที่สุกแล้วให้ศิศิรา
พร้อมกับอธิบายเหตุผลที่ต้องพักกลางทางว่าเธอหน้าซีด
มาก ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะพาเธอหลบพวกคนร้ายไปที่บ้าน
ของเขา

"ทำไมไม่เรียกมาณสิงห์มาช่วย"

"กลัวโดนข้อหาฆ่าเจ้าหญิง เดี๋ยวจะซวยซ้ำซวยซ้อน"

"แล้วเธอออกจากวังได้ยังไง"

"ก็คงทางเดียวกับมือปืน"

"เราอยากรู้เรื่องจริง"

"เดี๋ยวมาณสิงห์ก็ต้องสอบสวนแทบกระอักเลือด ขี้เกียจตอบ
หลายรอบ"

ศิศิราหมดเรื่องพูด จะลงนั่งกินปลา แต่ก็เซจนทีฑายุต้องเข้า
ประคอง ต่างคนต่างมองตากันยามใกล้ชิด แล้วก็
เก้อๆเขินๆไปด้วยกัน...หลังจากกินปลาหมดเกลี้ยงแล้ว สอง
คนจะเดินทางต่อ แต่จู่ๆศิศิราตัวร้อนจัดและเพ้อเรียกหาแม่กับ


น้องชาย ทีฑายุตกใจและเป็นห่วง กระชับกอดศิศิราไว้แนบอก

ooooooo

ส่วน ในวัง โกญจนาทเดินขากะเผลกมาเผชิญหน้าสุกฤตา ที่
ด้านหลังมีสันธิและทหารนับสิบเดินตามอารักขา สุกฤตามองที่
ขาโกญจนาทแวบหนึ่งก่อนเอ่ยถาม

"หมอหลวงบอกว่าท่านป่วย"

"แผลที่ขาเล็กนิดเดียวพระเจ้าค่ะ ขอบพระทัยที่ทรงห่วงใย"

โกญจนาทมองเลยไปที่สันธิ สันธิสบสายตานิ่ง ไม่หวั่นไหว ไม่มีพิรุธ

"นางข้าหลวงคุยกันว่า วันนี้เจ้าหญิงหนีออกนอกวังอีกแล้ว"

"เราให้ศิศิราไปเก็บดอกไม้ที่เราชอบ"

"อ้อ... น่าจับนางข้าหลวงพวกนี้มาเฉือนปากนัก ถ้าเจ้าหญิง
กลับมาและทรงอยากลงโทษ ขอให้บอกกระหม่อม โทษของ
พวกที่ไม่รู้ชะตาชีวิตตัวเองต้องหนักหนาสาสมกับความผิด
พลาดพระเจ้า ค่ะ"
สุกฤตามองรอยยิ้มบนหน้าโกญจนาทด้วยสายตารังเกียจ แต่ก็
ฝืนแย้มเยื้อน เอ่ยตอบเสียงหวานนุ่มนวล "ประหารผู้คนเป็นว่า
เล่นอย่างนี้ ระวังนะท่าน อีกหน่อยจะไม่มีคนดีเหลือให้เราปกครอง"
สุกฤตาเยาะด้วยสายตาก่อนจะเดิน ออก ทหารทั้งหมด เดิน
ตาม ทิ้งให้โกญจนาทมองตามอย่างชิงชัง...ครั้นไปถึงห้องปัก
ไหม ความเข้มแข็งเมื่อครู่ของสุกฤตาหายไปสิ้น มีแต่ความ
วิตกกังวลเข้ามาแทนที่ ยิ่งรู้จากมาณสิงห์ว่ายังตามหาศิศิราไม่
พบ และทีฑายุก็หายไปด้วย สุกฤตาถึงกับรำพึงออกมาว่า


"ทีฑายุอีกแล้ว..."

"ผมไม่เคยวาง ใจทีฑายุ ทีฑายุพยายามเข้าใกล้เจ้าหญิง
และทุกครั้งก็ดูเหมือนว่าเป็นเหตุบังเอิญที่ทีฑายุมาช่วยเจ้า
หญิงไว้ได้ แม้กระทั่งเมื่อคืน"

"เราอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้"

มาณสิงห์ก้มหัวรับคำสั่ง ญาณีที่นั่งถัดไปรู้สึกไม่สบายใจแทนศิศิรา

ooooooo

กัญญา ภัคกับจตารีบังเอิญมาเจอกันกลางตลาดในเมือง สอง
ฝ่ายซึ่งเคยมีเรื่องเขม่นกันอยู่จึงเปิดฉากใส่กันอย่างไม่มีใคร
ยอมใคร โดยทั้งคู่มีลูกน้องเป็นผู้ช่วยฝ่ายละคน

"นึกว่าใคร ที่เดินคอตั้งจนไม่เห็นหัวชาวบ้าน"

"คนระดับแก จะมีก็แต่กลิ่นที่เรียกให้ผู้ชายมาตอม... ต่ำชั้น"

"ฉันต่ำแล้วเธอล่ะ ก็ไม่ต่ำหนีกันหรอก ที่มายืนด่าคนกลางถนน"

รักเร่พุ่งเข้าใส่จะตบแทนนาย แต่จตารีชิงตบก่อนจนรักเร่ล้ม
กลิ้ง แล้วท้าทายกัญญาภัค

"กล้าแลกกันมั้ยล่ะ แม่คุณหนู เผื่อฉันจะสงเคราะห์สอนวิชา
มารยามัดใจคุณพี่ทีฑายุให้เป็นทาน"

"แก..." กัญญาภัคโกรธจี๊ด ดึงกระบองจากมือทหารที่วิ่งเข้า
มา หมายฟาดจตารีให้อยู่หมัด แต่จตารีว่องไวคว้าข้อมือ
กัญญาภัคไว้ทัน สองคนยื้อกันไปมา ท่ามกลางสายตาลุ้นๆ
ของชาวบ้านที่เริ่มมุง แล้วจตารีก็สยบกัญญาภัคด้วยการเตะ
หน้าแข้งด้วยรองเท้าส้นสูง กัญญาภัคเจ็บถึงเซถลา รักเร่ต้อง
รีบดึงนายให้ถอยหนี ก่อนจะถูกจตารีตามมาซ้ำ




มงกุฎแสงจันทร์ 17/11/52ตอนที่ 5

กัญญาภัคเจ็บใจสุดๆ กลับไปเล่าให้แม่ฟัง สินาตี เป็นเดือด
เป็นแค้นแทนลูก จะให้คนของเราไปตบพวกมัน แต่ กัญญาภัค
บอกแค่นั้นไม่พอ มันต้องวิธีของเธอถึงจะเจ็บแสบสะใจ

จากนั้น ไม่นาน ทหารห้าคนที่กัญญาภัคส่งไปดักฉุดจตารีก็
ลากจตารีเข้าไปยังห้องไม้เก่าทรุด โทรมเพื่อจะปล้ำข่มขืน
จตารีกรีดร้องพลางดิ้นรนสุดชีวิต ทั้งเตะถีบสารพัดจนพวก
ทหารโมโห คนหนึ่งโดนถีบจุกแอ่ก เลยชักมีดจะจ้วงแทงจตารี

ทันใดนั้นเอง ดรัณย์ ประสันต์ และมาลข่านพังประตูเข้ามา
พวกมันเลยชะงักก่อนจะกลายเป็นต่อสู้กันดุเดือด เพราะต่าง
ฝ่ายต่างไม่ยอม กว่าสามหนุ่มจะจัดการกับพวกทหารตาย
หมด ก็เล่นเอาหืดขึ้นคอ แถมยังเคล็ดขัดยอกกันไปคนละเล็ก
ละน้อย ส่วนจตารีปลอดภัย แต่เนื้อตัวยังสั่นๆด้วยความตกใจกลัว

ooooooo

หลัง จากศิศิราไข้ขึ้นสูงจนหมดสติเพราะบาดแผลที่ขาอักเสบ
ทีฑายุจึงตัดสินใจแบกเธอขึ้นหลังมาส่งถึงหน้าวัง มาณสิงห์
กับญาณีวิ่งนำหน้าออกมา ด้านหลังเป็นสุกฤตา ตามด้วยทหาร
อารักขาอีกจำนวนหนึ่ง... สุกฤตาเดินมาใกล้ทีฑายุ ตำหนิด้วย
น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงด้วยอำนาจ

"เธอไม่ควรทำอย่างนี้กับศิศิรา"

"หรือจะปล่อยให้ตายกลางป่า"

"แกไม่ควรเอาตัวเจ้าหญิงไปตั้งแต่แรก" มาณสิงห์ โพล่งขึ้น


"ขนาดองครักษ์เต็มวังยังไม่มีปัญญาคุ้มกันผู้หญิงคนเดียว
ปล่อยให้โดนยิงขาลาก ต้องอยู่รอให้โดนยิงซ้ำ
อีกหรือไง"

โกญจ นาทกับไมยาดินเดินออกมามอง สุกฤตาหันไปเห็น
โกญจนาทก็รู้สึกเสียหน้ากับภาพศิศิราบนหลังผู้ชาย และคำ
พูดของทีฑายุ จึงสั่งญาณีพาเจ้าหญิงออกมา ญาณีรีบเข้าไป
ดึงศิศิราออกจากหลังทีฑายุ และพาเข้าไปด้านใน ทีฑายุ
กวาดตามองทุกคน ก่อนพูดขึ้น

"ผมไม่ได้อยากเอาตัวเข้ามาขวาง อำนาจที่รุมแย่งกันเหมือน
กระดูกชิ้นนึง แต่ผู้หญิงคนนั้นเขาไม่รู้เรื่อง...ศิศิราไม่ควรเป็น
เจ้าหญิงที่ต้องตายใน วังของตัวเอง"

"สงสัยเจ้าหญิงคงจะได้องครักษ์คนใหม่มาแทนมาณสิงห์
สนิทชิดเชื้อถึงขั้นอุ้มกันหายไปจากวัง" โกญจนาทยิ้มเยาะ
มาณสิงห์โต้ตอบอย่างเจ็บใจ

"ถ้าเจ้าหญิงไม่บาดเจ็บเพราะน้ำมือพวกชั่วช้า ทีฑายุก็ไม่มี
สิทธิ์แตะต้องพระวรกาย"

"ถ้า สาปไพร่มันแปดเปื้อนศักดิ์ศรีเจ้าหญิง ก็เชิญขัดล้างเนื้อ
ตัวกันให้พอใจ แต่ขอบอกให้รู้ไว้ เนื้อตัวคณิกายังน่าเสน่หา
กว่ากลิ่นกายเจ้าหญิง" ทีฑายุพูดจบก็เดินจ้ำออกไปทันที


โกญจนาทหัวเราะในลำคอ สุกฤตาหันมองตาขุ่น โกญจนาท
ยิ้มบางๆ เดินกลับเข้าไปพร้อมไมยาดิน...สุกฤตาเจ็บลึก เอ่ย
ขึ้นกับมาณสิงห์

"ทีฑายุช่วยศิศิราไว้ก็จริง แต่เกียรติแห่งเจ้าหญิงไม่ควรถูก
ทำลายเพราะบุญคุณจากชายต่ำศักดิ์...มาณสิงห์ เธอเห็นด้วย
กับเราหรือไม่"

มา ณสิงห์หันมองสุกฤตาที่พูดเปิดทางด้วยสายตายินดี แล้ว
อีกครู่ มาณสิงห์ก็พาทหารตามไปล้อมรุมทำร้ายทีฑายุนอก
กำแพงวัง ทีฑายุสะบักสะบอม ถูกมาณสิงห์กรีดมีดลงบนมือ
จนเลือดพุ่งเลอะกำแพง แล้วมาณสิงห์ก็ปามีดลงตรงหน้าทีฑายุ

"ถ้าอยากสู้ ก็หยิบมีดขึ้นมา"

"อย่าเลยท่าน เลือดขี้ข้ามันทาสีวังได้สวยกว่าเลือดองครักษ์"

มาณสิงห์ถีบทีฑายุซ้ำจนหงายติดกำแพง ขณะที่พวกทหารก็
จ่อปืนเตรียมพร้อม

"ออก ไปให้ไกลเจ้าหญิง แล้วแกจะมีลมหายใจ" มาณสิงห์
จ้องเขม็ง ทีฑายุยิ้มแล้วถ่มเลือดที่กบปากใส่หน้ามาณสิงห์
เลยโดนแข้งมาณสิงห์อัดไปอีกทีจนคว่ำกับพื้นสลบเหมือด...


ทางด้านสุก ฤตานั้นไม่อยากจะตำหนิศิศิราที่กำลังไม่สบาย
แต่จำเป็นต้องย้ำเตือนเพราะถือว่าครั้งนี้มีสายตาของผู้อื่นรู้
เห็น โดยเฉพาะศัตรูของเธออย่างโกญจนาท

"แม่เคยบอกแล้วว่า ศิศิราของแม่จะต้องเป็นดอกไม้

ที่ มีแมลงมาดอมดม แต่แมลงนั้นต้องไม่ใช่ชายไร้ศักดิ์
ไร้เกียรติ มีแต่คนเหยียดหยาม ถ้าลูกจะให้ความสนิทสนม
เป็นพิเศษแก่ใคร แม่ก็ไม่เคยหวงห้าม เหมือนที่ลูกมีช้างทั้ง
ปางไว้เป็นเพื่อน แต่พลายที่คู่ควรกับเจ้าหญิงศิศิรานั้นมีเชือก
เดียวคือพญาน่านฟ้า ไม่ใช่ช้างบ้าน ช้างป่าที่ลูกโยนอาหารให้
อย่าลืมสิลูก บัลลังก์แสงจันทร์เป็นสิ่งที่เราต้องเทิดทูน ไม่
ให้เสื่อมเกียรติ ด้อยค่า หรือว่าถูกทำให้ลดศักดิ์ศรีลงไปแม้
เพียงสักนิดเดียว"

ศิศิราน้ำตาคลอ รับฟังด้วยจิตใจที่เจ็บช้ำ สุกฤตาเอื้อมมือบีบ
ไหล่ลูกเบาๆปลอบอย่างเข้าใจความรู้สึก
"หน้าที่ รักษาบัลลังก์แสงจันทร์ให้ศักดิ์สิทธิ์สมกับการเทิดทูน
ของราษฎร เป็นหน้าที่ของเชื้อพระวงศ์ทุกคน แม้บางครั้งเรา
จะต้องเฉือนเลือดเนื้อและหัวใจตัวเอง"

ศิศิราเงียบงันพยายามกลั้นน้ำตาที่เคลือบคลอ กระทั่งสุกฤตา
ผละไปที่ประตู แล้วปิดลง น้ำตาศิศิราที่กลั้นไว้ก็ร่วงพรูเป็นสาย...

ooooooo

ภาย ในท้องพระโรงในเช้าวันใหม่ สุกฤตาประชุมคณะเสนาบดี
และพวกโกญจนาท เพื่อซักถามเรื่องการแจกเงินและสิ่งของ
ให้ประชาชนว่ามาจากความคิดของใคร ซึ่งทาอูในฐานะ
เสนาบดีคลังต้องเป็นคนตอบ

"เราต้องการให้ประชาชนกินดีอยู่ดีพระเจ้าค่ะ"

"ถ้าอยากให้กินดีอยู่ดีก็ต้องให้ประชาชนมีอาชีพ มีผืนดินไว้ทำ
กินและใช้ชีวิตอย่างรู้จักพอ ไม่ใช่การแจกเงินให้คนฟุ้งเฟ้อ"

"แต่เงินซื้อความสุขได้นะพระเจ้าค่ะ"

"และ เงินก็เป็นอาวุธของคนถ่อยที่คิดจะครองเมือง" สุกฤตา
เข้าประเด็นอย่างก้าวหาญจนพวกเสนาบดีส่งเสียงซุบซิบ
พลางเหลือบมองระหว่างองค์ราชินีและโกญจนาท

"พวกเราทั้งหมดทำเพื่อประชาชน และความมั่นคงของแคว้น
ที่พระองค์ทรงเป็นประมุข" โกญจนาทยืนยัน

"อย่าอ้างชาติ อ้างประชาชน อ้างบัลลังก์ เพื่อก่อการเลว"

"หากทรงคัดค้านทุกเรื่องเช่นนี้ สมควรที่องค์ธราเทพ ต้องรีบ
แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทน เพราะบ้านเมืองจะหยุดนิ่งไม่ได้"

"เราเห็นด้วย ปัญจารัตน์จะได้พ้นจากอำนาจชั่วที่กำลังบดบัง
ความสุกสว่างแห่งจันทร์เสียที"

สุกฤตามองจ้องโกญจนาทไม่ลดละ ต่างฝ่ายต่างประกาศ
สงครามภายในที่นับวันยิ่งปะทุ

ขณะ เดียวกัน ศิศิรายังคงเก็บตัวในห้อง และไม่แตะต้อง
อาหาร เธอรู้สึกผิดที่ทำให้ทุกคนต้องเร่งเผชิญหน้ากัน แม้
ญาณีบอกว่าไม่มีใครโทษเจ้าหญิง แต่เธอจะไม่รอให้ใครลง
โทษ เธอกำลังลงโทษตัวเองอยู่ เธอจะไม่ออกไปนอกวัง และ
จะไม่พบทีฑายุอีก...

สาย วันเดียวกันดรัณย์ มาลข่าน ประสันต์ มาหาทีฑายุที่บ้าน
พอเห็นสภาพทีฑายุฟกช้ำดำเขียวแทบทั้งตัวจากน้ำมือของคนในวัง
ดรัณย์ท่าทีเหนื่อยใจถึงกับออกปาก ไม่รู้ว่าจะอาฆาต
กันไปถึงไหน เมื่อวานจตารีก็โดนทำร้าย

"ทำร้าย" ทีฑายุทวนคำด้วยสีหน้าตกใจ

"มี คนเอาไปย่ำยี ข่มขืนทำร้าย" มาลข่านขยายความ
ประสันต์เสริมว่า โชคดีที่มีกลุ่มคนดีไปช่วยเอาไว้ กัญญาภัค
ที่เพิ่งก้าวเข้ามาชะงักเล็กน้อย แล้วทำเป็นไก๋ไม่รู้เห็น อยากรู้
เหมือนกันว่าใครที่กลั่นแกล้งจตารี ทีฑายุเหมือนจะรู้ทัน
เพราะเมื่อกัญญาภัคขยับมายืนข้างๆ เขากลับขยับหนี อ้างว่า
เขาจะออกไปหาแม่ พูดจบก็เดินออกไปเลย ดรัณย์มองกัญญาภัค
แล้วเดินตามทีฑายุไป พอกัญญาภัคจะก้าวตามประสันต์
กับมาลข่านทำกอดอกเดินมาขวางท่าทางกวนๆ

"มาเช้ามาเย็น เห็นมาเฝ้ายิ่งกว่าเมีย" ประสันต์ว่าแสบ
กัญญาภัคกรี๊ดทันที

"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแก"

"รำคาญ" มาลข่านไม่พูดเปล่า ก้าวเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเก่า
กัญญาภัคถอยห่างเล็กน้อย พร้อมสั่งด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ

"หยุดตรงนั้น แกรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร"

"รู้...เธอมันก็ผู้หญิงที่สวยแต่หน้า หาดีไม่เจอ"

กัญญาโกรธจนตัวสั่น จ้องประสันต์เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
แต่ประสันต์มองเฉย ไม่สนใจ ส่วนดรัณย์ที่เดินตาม

ทีฑายุไปอีกด้าน ดรัณย์แสดงความเห็นว่าทีฑายุน่าจะไป
เยี่ยมจตารี ทีฑายุรับปากว่าตนไปแน่ แต่ตอนนี้อยากรู้ว่า
ศิศิราเป็นยังไงบ้าง

"วังถูกสั่งปิดตาย ห้ามคนนอกเข้าออก ต้องรอให้ผ่านการแต่ง
ตั้งผู้สำเร็จราชการวันพรุ่งนี้ไปก่อน"

"แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการเมื่อไหร่ กษัตริย์จะกลายเป็นหุ่นเชิด"
ทีฑายุหน้าเครียดอย่างหวั่นวิตก

ooooooo

ตอนที่ 6

ภายในหอพระ โกญจนาทตามสุกฤตาเข้ามารุกเร่งเรื่องแต่งตั้ง
ผู้สำเร็จราชการแทนยุวกษัตริย์ ที่เพิ่งจะประชุมไปเมื่อกลางวัน

"พระองค์ก็รู้อยู่แก่ใจว่าผู้สำเร็จราชการควรจะเป็นผู้ที่เข้มแข็ง
พาปัญจารัตน์ผ่านพ้นความอดอยาก ล้าหลังไปให้ได้"

"ปัญจารัตน์ ยืนยาวมานับร้อยปี เป็นเอกราชมาด้วยกษัตริย์ที่
นำทัพสู้ศึก ยอมพลีชีวิตสร้างแผ่นดินเป็นปึกแผ่นชั่วลูกชั่วหลาน
ท่านคิดว่านี่คือความล้าหลัง"



มงกุฎแสงจันทร์ 18/11/52

ตอนที่ 6
"แต่โลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ผู้นำไม่จำเป็นต้องเป็นมาจากกษัตริย์เสมอไป"

"กล้าเผยตัวแล้วสินะ จิ้งจอกอยากคลุมหนังราชสีห์"

"สุกฤตา...อย่าให้ต้องเตือนความจำบ่อยๆ ว่าพระองค์ กับลูกกำลังอยู่ในอันตราย"

"เอาชีวิตคนมาเป็นเครื่องต่อรอง วิธีของอันธพาลสันดานหยาบช้า"

"ก็ควรจะระวังอารมณ์คนสันดานหยาบช้าไว้หน่อย
เพราะเมื่อไหร่ที่คนถ่อยรอไม่ไหว เลือดอาจจะนองพื้นวัง"

โกญจนาทเดินมายืนค้ำหัวสุกฤตาที่นั่งกราบพระกับพื้น
สุกฤตาไม่แม้แต่เหลือบตาขึ้นมอง สายตาแน่วแน่จ้องไปที่องค์พระ

"เคย ได้กลิ่นคาวเลือดไหมพระเจ้าค่ะ บ้างก็ทำให้
วิงเวียนคลื่นเหียน บ้างก็ปลุกเร้าให้กระหายอยากได้ความตายมาสังเวย
ไม่ว่าหน้าไหน ไม่ว่าเป็นใคร"

"ประชาชนจะไม่ยอมให้คนชั่วแตะต้องราชวงศ์"

"แต่ถ้าประชาชนได้เห็นศพกองสุมอยู่ที่ลานหน้าวัง ประชาชน
ก็จะสรรเสริญพระองค์ว่าเป็นราชินีที่ทำให้ราชวงศ์ถึงคราวพินาศ"

สุกฤตาหันขวับจ้องโกญจนาทที่ยิ้มใจเย็น แล้วค่อยๆขยับเข้ามาใกล้

"อีกไม่นานเกียรติแห่งเทพสูงส่ง จะต้องถูกทำลายลงด้วยมือไพร่"

สุก ฤตาคิดหาทางรอด ทำทีลุกขึ้นยืนแต่ซวนเซเหมือนจะล้ม
โกญจนาทจึงคว้าแขนสุกฤตา ฉับพลันประตูหอพระก็เปิดผาง
สันธิและวิชัยก้าวเข้ามาเห็นโกญจนาทจับแขนสุกฤตาที่ร้องขอความช่วยเหลือ
วิชัยพุ่งพรวดเดียวกระชากโกญจนาทออกมาหักแขนไพล่หลัง
พร้อมกับสั่งทหารที่อยู่ข้างนอกเข้ามาให้หมด

โกญจนาทดิ้นรน วิชัยยิ่งกดแรง เอาปืนจ่อหลัง ขณะที่ทหารทั้งหมดกรูเข้ามาล้อมไว้

"ผู้ใดแตะต้ององค์ราชินี มันมีโทษถึงตาย" วิชัยประกาศกร้าว

"ท่าน ไม่รู้กฎข้อร้ายแรงที่สุดหรือโกญจนาท เกียรติแห่งเทพสูงส่ง
จะไม่ถูกทำลายลงด้วยมือเดรัจฉาน" สุกฤตายิ้มเยาะ โกญจนาททั้ง
เจ็บทั้งแค้นที่เสียรู้สุกฤตาเข้าจนได้

หลังจากนั้น โกญจนาทก็ถูกตีตรวนโยนเข้าคุกเพื่อรอลงโทษยิงเป้า
หลังการแต่งตั้งผู้สำเร็จ ราชการ แต่ไม่ทันข้ามคืน ไมยาดินก็นำกำลัง
ทหารบุกมาช่วยโกญจนาทออกจากคุก และโกญจนาทก็จะไม่รอเวลาอีกแล้ว
เขามาดหมายว่าต้องยึดครองบัลลังก์แสงจันทร์ให้ได้ภายในคืนนี้

แต่สันธิก็นำกำลังทหารฝ่ายราชินีต่อสู้จนบาดเจ็บล้มตายไปมาก
ตัวสันธิเองก็บาดเจ็บไม่น้อยเหมือนกัน ขณะที่

มา ณสิงห์ยังต้องตรึงกำลังอารักขาศิศิราอยู่อีกทาง...โกญจนาทเข้าประชิดตัวสุก
ฤตาในท้องพระโรง ประกาศเจตนาชัดเจนว่าบัลลังก์แสงจันทร์เหมาะสม
กับคนเข้มแข็งอย่างเขามากที่ สุด ไม่ใช่กษัตริย์ที่อ่อนแอเอาแต่ห่วงประชาชน
ซึ่งไม่มีทางทำให้ ประเทศแข็งแกร่งได้เลย

สุกฤตาสีหน้าแววตาไม่หวาดหวั่น แอบเลื่อนมีดที่ซ่อนไว้ออกจากแขนเสื้อ
โดยที่โกญจนาทยังคงพล่าม พลางก็ขยับเข้ามาใกล้เหมือนจะแตะต้องเนื้อตัวเธอ

"สุกฤตา...ราชินีผู้งามเป็นหนึ่ง หากเลือดสองสายได้ผสาน บัลลังก์จะมั่นคง"

"เรา คงไม่มีหน้าไปตอบบรรพบุรุษในสวรรค์ ว่าทำไมถึงปล่อยให้เดรัจฉาน
ในคราบมนุษย์อาจเอื้อมมาปกครองบ้านเมือง" พูดขาดคำ สุกฤตาก็พุ่งมีด
ไปที่ท้องโกญจนาท แต่โกญจนาทใช้ข้อมือที่แข็งแรงกว่าจับมีดหยุดไว้
ก่อนจะสัมผัสเนื้อของตน

"งั้นก็ฝากไปบอกผัวเธอด้วยว่า ฉันจะรีบแสดงความจงรักภักดี ด้วยการให้
ครอบครัวเธอได้ไปพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง...ในนรก"

"คนโกงกระหายอำนาจอาจเอื้อมอย่างแกต้องไปชดใช้ กรรมที่อเวจีขุมสุดท้าย"

"นั่นมันหลังจากที่บัลลังก์นี้จะไม่ใช่ของราชวงศ์

จันทราภาอีกต่อไป"

โกญจนาทบิดข้อมือสุกฤตา ดึงมีดมาถือไว้ แล้วล็อกแขนสุกฤตาทันที

"ยิ้ม สะ สุกฤตา ยิ้มดีใจกับฉันเป็นคนแรก ทันทีที่ราชวงศ์จันทราภาถูกล้มล้าง
ก็จะเป็นศักราชใหม่ของราชวงศ์ เยาวราจีของฉัน เพราะผู้ใดได้อยู่
ใต้มงกุฎแสงจันทร์ ผู้นั้นจะมีความสุขตลอดกาล"

โกญจนาท ยิ้มเหี้ยม กดมีดที่ปักอกสุกฤตาสุดแรงก่อนจะถอยออกมา
สุกฤตาไม่มีเสียงร้องทั้งที่เจ็บปวดแสนสาหัส เลือดในกายแดงฉานไหลเป็นทาง
แต่เธอยังพยายามทรงตัวไปนั่งที่บัลลังก์ ที่สุดก็สิ้นลมหายใจอยู่บนบัลลังก์แสงจันทร์ นั่นเอง

ooooooo

ศิ ศิราที่หลบอยู่ในห้องรู้สึกเป็นห่วงแม่ เธอไม่ฟังเสียงห้ามของมาณสิงห์
วิ่งออกจากห้องตรงไปยังท้องพระโรง พอไปเห็นสภาพแม่บนบัลลังก์
ตกใจถึงกับกรีดร้องผวาไปกอดศพแม่ร้องไห้สั่นสะท้านไปทั้งตัว
"แม่ขา...แม่...ใครทำแม่"

"องค์ราชินีหมดลมหายใจจะตอบคำถามอะไรแล้ว เจ้าหญิงศิศิรา"
เสียงโกญจนาทดังขึ้นก่อนปรากฏตัวออกจากเงามืด มาณสิงห์รีบเข้ามาประกบศิศิรา
แล้วชักปืนจะสังหารไอ้กบฏชั่วที่ลอบปลงพระชนม์องค์ราชินี แต่ไมยาดินไวกว่าพุ่งเข้ามา
เอาปืนล็อกคอมาณสิงห์ พร้อมๆกับทหารของโกญจนาท นับสิบก็ตีวงล้อมเข้ามา
มาณสิงห์ตะโกนให้เจ้าหญิงหนีไป ศิศิราตกใจหันรีหันขวาง

ทันใดนั้นเอง ทีฑายุโหนตัวเข้ามาทางหน้าต่าง จัดการทหารจนขาดใจตายด้วยปืนของมันเอง
ไปหลายคน ขณะที่มาณสิงห์ ก็พยายามสลัดไมยาดินแต่ไม่สำเร็จ โกญจนาทคว้าตัวศิศิรา
แล้วเอาปืนจ่อหัว ต่อรองทีฑายุให้โยนปืนทิ้ง ถ้าไม่อยากเห็นเจ้าหญิงเป็นศพต่อไป
ทีฑายุทำท่าลดปืน แต่กลับโยนเข้าหน้าโกญจนาทแทนที่จะโยนทิ้ง
ทำให้โกญจนาทผงะปืนหลุดจากมือ ศิศิราฉวยโอกาสดิ้นหลุดจะวิ่งมาหาทีฑายุ
แต่ไมยาดินก็สาดกระสุนเจาะน่องทีฑายุจนล้มหงายหลัง

ทีฑายุสั่งให้ศิ ศิราหนีไป แต่เธอโผเข้าหาเขาด้วยความเป็นห่วง
ส่วนมาณสิงห์ถูกลูกน้องไมยาดินทำร้ายหน้าตาแยกยับ แล้วทั้งสามคนก็ถูกจับ
ไปขังในคุกรวมกับญาณีและนางข้าหลวงอีกหลายคน ศิศิราเป็นห่วงน้องชาย
ญาณีบอกว่าพวกมันไม่ได้ทำร้ายองค์ธราเทพ แต่คุมตัวเอาไว้

มาณสิงห์ที่หมดสติไปพักหนึ่ง พอฟื้นขึ้นมาก็คิดอ่านจะหาทางพาเจ้าหญิงออก
ไปให้เร็วที่สุดก่อนที่พวกมันจะ ลงมือทำอะไรมากกว่านี้ เช่นเดียวกับทีฑายุ
ที่ยังไม่หมดหวัง ขอให้ศิศิราเข้มแข็งไว้ ยังไงเราก็ต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้
ศิศิรามองน่องทีฑายุที่มีผ้าพันห้ามเลือดไว้อย่างลวกๆ ทีฑายุเดาใจศิศิราออก
รีบบอกเธอว่ากระสุนถากไปไม่ฝังใน ไม่เป็นอะไรมาก พรุ่งนี้เราจะออกไปเห็น
แสงอาทิตย์ด้วยกัน...ศิศิรารู้สึกดีมีความหวังถึงกับ ยิ้มออกมาอย่างเชื่อมั่น

ooooooo

เช้ารุ่งขึ้น กัญญาภัคกับสินาตีเตรียมตัวเข้าวังด้วยความตื่นเต้นยินดี ที่บัดนี้บัลลังก์
แสงจันทร์ ตกเป็นของโกญจนาทเรียบร้อยแล้ว...ขณะที่สามคนพ่อแม่ลูกกำลัง
ฉลองความสำเร็จ ในท้องพระโรง อย่างมีความสุข ท่ามกลางทหารน้อยใหญ่ชื่นชม
สอพลอจำนวนมาก...หารู้ไม่ว่า พวกทีฑายุกำลังพาศิศิราหนีออกจากคุก โดยการนำ
ของดรัณย์ ประสันต์ และมาลข่าน ลอบเข้ามาช่วยเหลือ

เมื่อพ้นจากคุกมาแล้ว ศิศิราตรงไปยังห้องธราเทพ พร้อมด้วยทีฑายุและมาณสิงห์
ส่วนพวกดรัณย์แยกไปอีกห้องกับญาณี แต่สองกลุ่มก็ไม่มีใครเจอธราเทพ
ทีฑายุมั่นใจว่าพวกมันคงย้ายที่คุมขังเจ้าชาย...ประสันต์เร่งทุกคนให้รีบไป
ก่อนจะหมดโอกาส ตอนนี้พวกมันกำลังฉลองอยู่ในท้องพระโรง มาณสิงห์
จึงให้ทุกคนอ้อมไปข้างหลังเพื่อไม่ต้องผ่านท้องพระโรง แต่ศิศิรากลับวิ่ง
ไปทางท้องพระโรง ทุกคนตกใจวิ่งตามไปทันที

ศิศิรา วิ่งพรวดเข้ามา เป็นจังหวะที่โกญจนาทกำลังจะสวมมงกุฎแสงจันทร์
ศิศิราไม่ยอมเด็ดขาด ตรงเข้าแย่งมงกุฎในมือโกญจนาทแต่ไม่สำเร็จ
ทันใดสองฝ่ายก็รบรากันอุตลุด พวกทีฑายุแม้จะมีคนน้อยกว่าแต่ทุกคนก็สู้ยิบตา

เมื่อเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย สินาตีต้องลากกัญญาภัคหลบออกไปก่อนจะโดนลูกหลง
ทั้งที่กัญญาภัคไม่เต็มใจ

เพราะ เป็นห่วงทีฑายุ...โกญจนาทไม่ยอมปล่อยมงกุฎหลุดมือ ขณะที่ศิศิรา
ก็ตามแย่งไม่ลดละ โดยมีทีฑายุคอยช่วยเหลือ ส่วนมาณสิงห์และเพื่อนๆ
ของทีฑายุก็ต่อสู้กับทหารของโกญจนาท อย่างไม่กลัวตาย รวมทั้งธนูเพลิง
ทหารคนสนิทของมาณสิงห์ที่ปรากฏตัว หลังจากทุกคนคิดว่าเขาตกผาตายไปแล้ว

ที่สุดทีฑายุก็ต้องกระชากศิศิรา วิ่งหลบออกไป เพราะมองไม่เห็นทางรอดถ้าต้องสู้ต่อ
ดรัณย์ ประสันต์ มาลข่าน และญาณีวิ่งตาม มาณสิงห์กับธนูเพลิงรั้งท้ายคอยยิง
สกัดทหารของโกญจนาท กระทั่งพ้นออกไปตรงสนามด้านข้างท้องพระโรง
ซึ่งมีรถจอดอยู่สองคัน ทีฑายุพาศิศิราขึ้นรถ ตามด้วยพวกดรัณย์และญาณี
ส่วนมาณสิงห์กับธนูเพลิงยังต้องยิงสกัดพวกไมยาดิน ครั้นทีฑายุออกรถไปอย่างเร็ว
มาณสิงห์กับธนูเพลิงจึงโดดขึ้นรถอีกคัน ขับตะลุยออกไปจนทหารของโกญจนาทแตกกระเจิง

โกญจนาทโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เมื่อรู้ว่าทุกคนหนีรอดไปได้
แล้วสั่งเฉียบต่อหน้ารามปุระและไมยาดิน

"ไม่ว่าจะหนีไปถึงไหน ลากพวกมันกลับมาตายตรงหน้าเราทุกคน!"

ooooooo



มงกุฎแสงจันทร์ 19/11/52


ตอนที่ 7 (ต่อจากวานนี้)

หลังจากหนีมาไกลพอสมควร ทีฑายุเห็นควรทิ้งรถแล้วหลบเข้าป่าเดินเท้าต่อไป
แต่เดินกันพักใหญ่ พ้นป่าไปเจอแม่น้ำทั้งกว้างทั้งเชี่ยว ศิศิราหวั่นว่าจะข้ามไม่ไหว
อีกทั้งกังวลว่ามาณสิงห์จะตามพวกเรามาถูกหรือเปล่า

ขณะที่ทุกคน นิ่งเหมือนไม่แน่ใจ ส้มเสี้ยวก็โผล่พรวดวิ่งมากอดศิศิรา
ส้มเสี้ยวดีใจที่เจ้าหญิงยังมีชีวิต และอาสานำทางไปเอง รับรองไม่มีใครตาย
เพราะเธอเชี่ยวชาญเส้นทางแถวนี้ แต่ถึงยังไงก็ต้องลุยน้ำ ทีฑายุจึงให้ศิศิรา
ถอดเสื้อคลุมตัวนอกที่ ทั้งหนาและหนักทิ้ง ไม่งั้นจะจมน้ำ ศิศิรานิ่งไปนิด
ก่อนตัดสินใจถอดเสื้อคลุมออกช้าๆ

"อย่าเสียดายเลย" ทีฑายุเสียงแผ่ว

"อย่างเดียวที่เราเสียดายคือมงกุฎแสงจันทร์ไม่ควรอยู่ในมือคนเลว"
ศิศิราหน้าหมอง ทีฑายุค่อยๆดึงเสื้อทิ้งลอยไปตามกระแสน้ำ

"เราต้องกลับไปแน่ๆ" ทีฑายุกล่าวหนักแน่น

"สัญญานะทีฑายุ สัญญาว่าจะช่วยเราเอามงกุฎแสงจันทร์ คืนมา"

ชาย หนุ่มยิ้มรับแทนคำตอบ...ครั้นข้ามไปถึงกลางป่าอีกฝั่งกันอย่าง
ทุลักทุเลไม่ น้อย ส้มเสี้ยวก็นำทางไปยังบ้านไม้ สองหลังที่เชื่อมต่อกัน
ซึ่งเป็นบ้านญาติของส้มเสี้ยว แต่ตอนนี้ ไม่มีคนอยู่ ส้มเสี้ยวแกล้งอำว่า
เจ้าของบ้านผูกคอตาย ดรัณย์ถึงสะดุ้งโหยง ส้มเสี้ยวเห็นเข้าก็หัวเราะลั่น

"แกโกหกเหรอ ไอ้ส้มเสี้ยว"

"ช่าย...อยากเห็นคนกลัวผี"

ดรัณย์เสียหน้า ญาณีถลึงตาปรามส้มเสี้ยวที่ยังหัวเราะชอบใจ แล้วหันมา
ถามศิศิราอย่างอาทร

"อยู่ได้มั้ยเพคะ"

"ทุกคนอยู่ได้ เราก็อยู่ได้"

"เดี๋ยว ส้มเสี้ยวไปทำความสะอาดให้ก่อนนะ" ส้มเสี้ยววิ่งเข้าบ้าน
ญาณีขอตามไปช่วย เพราะไม่แน่ใจว่าลิงค่างอย่างส้มเสี้ยวจะทำได้
ส่วนพวกประสันต์ ดรัณย์ และมาลข่านก็แบ่งหน้าที่กันกวาดถูฝั่งผู้ชาย
และหาอาหารสำหรับทุกคนด้วย

ทีฑายุมองศิศิราที่ยืนหน้าเศร้า แววตาอ้างว้าง สักครู่ ทีฑายุก็ขยับเดิน
ศิศิราถามทันทีว่า จะไปไหนเหรอ?

"ไม่ต้องถาม ตามมา" ว่าแล้วเขาเดินนำ ศิศิราเดินตามไปอย่างว่าง่าย

ทีฑายุเดินไปหยุดบริเวณที่มีดอกไม้ป่าสีสวย ศิศิราเก็บมาดมดอม
แต่สีหน้าไม่คลายแววกังวล ทีฑายุจึงพยายามปลอบ

"เจ้าชายธราเทพปลอดภัยแน่ๆ"

"ตราบ ใดที่โกญจนาทยังไม่ได้ตัวเรา" ศิศิรามั่นใจอย่างที่พูด ทีฑายุมอง
ไปไกลเหมือนหนักใจ...ศิศิรารู้สึกผิด "จะว่าเราก็ได้นะ ที่เอาความเดือดร้อนมาให้"

"เหนื่อยเปล่า"

ศิศิราหน้าจ๋อยลงทันใด ทีฑายุเหลือบมองด้วยความสงสาร

"พา มาดูดอกไม้ ยังทำหน้าเศร้าได้อีก ยิ้มหน่อยสิ" หญิงสาวหันมองแปลกใจ
ทีฑายุชะงัก รีบพูดแก้เกี้ยว "ยิ้มให้ดอกไม้" ว่าแล้วทำเหลือบมามอง
ศิศิราเลยยิ้มออก รู้ว่าทีฑายุอยากเอาใจเธอ

ooooooo

ขณะเดียวกันนั้น โกญจนาทนั่งบนบัลลังก์ในท้องพระโรง มองมงกุฎในมืออย่างเจ็บใจ
กัญญาภัค เดินเข้ามาสีหน้าเจ็บแค้นไม่แพ้พ่อ

"วัน แห่งเกียรติยศของเรา กลับถูกทำลายลงด้วยมือผู้หญิงอ่อนแออย่างศิศิรา
ลูกไม่มีวันให้อภัย มงกุฎต้องได้สวมลงบนศีรษะผู้มากบารมีอย่างพ่อ"

"พ่อ จะสวมมงกุฎแสงจันทร์ต่อหน้าเจ้าหญิง ให้ภาพมงกุฎแสงจันทร์ของพ่อติดตา
ศิศิราไปจนหมดลมหายใจสุดท้าย ให้มันจำไปบอกพ่อแม่มันในนรก
ว่ากษัตริย์โกญจนาทเท่านั้นคือผู้ครอบครอง"

กัญญา ภัคยิ้มมองพ่อด้วยสายตาเทิดทูน...ส่วนในห้องคนไข้โรงพยาบาลทหาร
สันธิโดนมัดแขนยึดกับเตียง ทั้งๆที่ มีสายน้ำเกลือสายเลือดระโยงระยาง
วิชัยเข้ามาเห็น อดต่อว่ารามปุระไม่ได้

"ท่านน่าจะให้เกียรติแม่ทัพแห่งปัญจารัตน์มากกว่านี้ สันธิทำความดีความชอบ
ให้บ้านเมืองมามาก"

"เป็นคำสั่งท่านโกญจนาท"

"โกญจนาทเป็นกบฏ" วิชัยเน้นย้ำ

"คน ชนะไม่เคยได้รับข้อหากบฏ คิดดีๆนะวิชัย ตอนนี้อำนาจอยู่ในมือใคร"
รามปุระมองวิชัย วิชัยกลับเบือนหน้าไปอีกทาง "หรือต้องให้ทหารของเรา
สาดกระสุนใส่กันเอง เพื่อราชวงศ์ที่ถูกลบชื่อออกไปแล้ว" รามปุระทิ้งทาย
แล้วเดินออกไป วิชัยถอนใจก่อนจะก้าวตาม สันธิที่แกล้งหลับลืมตาขึ้น
แววตาวิตกกับสิ่งที่ได้ยิน

ทันทีที่รามปุระกับวิชัยเดินพ้นตัวตึก ธนูเพลิงที่ลอบมองอยู่ในมุมมืดก็ยิง
ปืนขึ้นฟ้าหลายนัด สองคนหลบเข้าที่กำบัง โดยมีทหารส่วนหนึ่งคุ้มกัน
ขณะที่ผู้คนทั้งหมอและพยาบาลแตกตื่นตกใจวิ่งกันพล่าน มาณสิงห์
ฉวยโอกาสชุลมุนนี้แฝงตัวเข้าไปถึงห้องสันธิ เขาจะพาพ่อหนี
แต่สันธิเกรงว่าสภาพของตน แบบนี้จะพาลูกตายไปด้วย พอรู้ว่าองค์ราชินี
สวรรคตแล้ว สันธิถึงกับน้ำตาเอ่อ บอกลูกชายว่า พ่อก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่

"พ่อครับ เรายังมีหน้าที่กู้บัลลังก์ ตอนนี้เจ้าหญิงศิศิรา กำลังซ่อนตัว"

"ทรงอยู่ที่ไหน"

"อยู่กับทีฑายุ..."

"แล้วลูกจะทำยังไง ศัตรูล้อมรอบเราทุกตารางนิ้ว"

"ผม ก็ต้องไปลากเอาชีวิตชั่วช้าชีวิตนึงมาสังเวย เพื่อแลกกับอิสรภาพของเจ้าหญิง"
มาณสิงห์แววตาโหดเหี้ยม... จากนั้นไม่นาน มาณสิงห์ก็ไปปรากฏตัวที่หน้าบ้าน
โกญจนาท แล้วจู่โจมฉุดกระชากกัญญาภัคที่กำลังกระวนกระวายคิดถึง ทีฑายุ

"มาณสิงห์...ถ้าไม่อยากตายอย่างทรมาน ก็ปล่อยฉัน" กัญญาภัคพยายามดิ้น
มาณสิงห์ยิ่งบีบแขนเธอแรงขึ้น

"ให้ฉันตายอย่างทรมาน ยังดีกว่าปล่อยลูกสาวทรราชไปเดินลอยหน้าเพ่นพ่านอยู่ในวัง"

"โทษแกถึงยิงเป้าแน่ๆ"

"โทษ สั่งตาย ต้องมาจากคำสั่งของเจ้าหญิงศิศิรา อย่างเธอมันก็แค่ผู้หญิงใฝ่สูง
ตะเกียกตะกายแค่ไหน ก็มีค่าเท่ากับฝุ่นบนดินใต้ฝ่าเท้าเจ้าหญิงศิศิรา"

กัญญาภัคสุดเจ็บใจกับคำดูถูก จ้องมองมาณสิงห์อย่างอาฆาต..
.มาณสิงห์ไม่สนใจลากกัญญาภัคออกมาที่รถซึ่งธนูเพลิงจอดรออยู่

"พ่อฉันต้องให้ทหารทั้งกองพันตามล่าแก"

"ทหารดีไม่เคยกลัวตาย ไม่เหมือนทหารเลว ใช้อำนาจในทางที่ผิด"

ธนู เพลิงเข้ามาช่วยมัดมือกัญญาภัค ระหว่างนี้เองทหารยามเดินตรวจมาเห็น
กัญญาภัคร้องลั่นขึ้น ทหารยามหันขวับ พร้อมเล็งปืนในมือ มาณสิงห์ไวกว่ายิงปืน
ในมือทหาร ยามหลุดกระเด็น แล้วดันตัวกัญญาภัคขึ้นรถ ก่อนจะร้องบอกทหารยาม
ที่ยืนตัวเนื้อสั่น เลือดเต็มมือ

"บอกไอ้กบฏโกญจนาทด้วยว่าถ้าอยากได้ตัวลูกสาว ก็เอาบัลลังก์แสงจันทร์
มาคืนให้เจ้าหญิงศิศิรา"

มาณสิงห์พูดขาดคำ ธนูเพลิงก็ออกรถไปด้วยความเร็ว

ooooooo

เช้า ขึ้น โกญจนาทรีบร้อนมาที่บ้านพร้อมราม-ปุระและทหารอีกห้าคน
แต่สินาตีร้อนใจยิ่งกว่า จะให้ โกญจนาทส่งทหารไปตามล่า ทั้งประกาศ
ให้ค่าหัวมันด้วย เพราะมันจับกัญญาภัคไป ก็เท่ากับว่าเป็นกบฏต่อองค์กษัตริย์โกญจนาท

"ประกาศสิ้นคิดแบบที่เธอพูด เรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่"

"เรื่องเล็ก? มันจับลูกเราไป เรื่องเล็กเหรอคะ"

"ไมยาดินตามไปแล้ว" รามปุระพูดขึ้น

"กัญญาจะพาเราไปถึงตัวศิศิรา" โกญจนาทมั่นใจ สินาตีมองสามีอย่างนึกไม่ถึง

"นี่ท่านเอาลูกเป็นเหยื่อล่อ"

"เหยื่อ ที่วิเศษที่สุดคือคนที่มันคิดว่าเรารักมากที่สุดไง... อย่าโง่" โกญจนาทเสียงกร้าว
สินาตีเงียบ ไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่เข้าบ้านก็ยังเดินวนไปวนมา แล้วปัดแก้วน้ำ
ส้มที่รักเร่เอามาเสิร์ฟซะหกตกกระจาย

"แกจะให้ฉันกินน้ำส้มใจเย็นรอฟังข่าวลูกฉันถูกฆ่าหรือไง"

รักเร่หน้าซีด รีบเก็บเศษแก้ว คลานงุดๆออกไป โกญจนาท มองสินาตีด้วยสายตาตำหนิ

"ไมยาดินไม่ปล่อยให้กัญญาตายหรอกน่า"

"ท่านก็พูดได้นี่ ท่านไม่เคยรักลูกเหมือนที่ฉันรัก ส่งลูกไปตาย ท่านยังทำได้ลงคอ"

"ฉันก็ถือว่ากัญญาเป็นลูก"

"แต่ ไม่ใช่ลูกที่เกิดจากความรัก ไม่ว่าหัวใจท่านจะอยู่กับใคร แต่จำไว้ว่าตอนนี้เมีย
ของท่านคือ สินาตี และตำแหน่งราชินีก็ต้องเป็นของเมียอย่างฉัน ฉันกับลูกกัญญา
รับใช้ท่านมาทั้งชีวิต ถึงเวลาท่านก็ต้องตอบแทนความจงรักภักดีของเราสองแม่ลูกบ้าง"

โกญจนาทถูกจี้ใจ จ้องสินาตีดุดัน แต่คราวนี้สินาตีกลับมองตอบโต้อย่างไม่หวั่นเกรง

ooooooo


มงกุฎแสงจันทร์ 20/11/52

ตอนที่ 7 (ต่อจากวานนี้)

กัญญาภัคเพิ่งรู้ว่ามาณสิงห์ไม่ได้หนี มากับศิศิรา เพราะสถานที่ที่มาณสิงห์
กับธนูเพลิงพาเธอมาไม่มีแม้แต่เงาของศิศิรา หรือพวกทีฑายุสักคน
เมื่อไมยาดินและทหารนับสิบตามมาเจอ ธนูเพลิงจึงเร่งมาณสิงห์ให้ตัดหัวกัญญาภัค
แต่มาณสิงห์กลับสั่งธนูเพลิงไปเตรียมรถ

ธนูเพลิงหันหลังออกไป กัญญาภัคเหงื่อแตกเต็มหน้า มองมาณสิงห์อย่างสุดจะคาดเดา

"ครอบครัวเธอนี่มันเกิดมาหนักแผ่นดิน" มาณสิงห์ กระแทกเสียงแล้วปล่อยมือจากกัญญาภัค

"ถ้าฉันไม่ตาย แกก็ต้องตายด้วยมีดเล่มนั้น"

พวก ไมยาดินเข้ามาใกล้ทุกที มาณสิงห์กำมีดในมือแน่น กัญญาภัคจ้องลุ้นระทึก
พลันเสียงไมยาดินก็ร้องเตือนพรรคพวกให้ระวัง มันฝังระเบิดไว้...

ไม ยาดินมองไปที่สลักเหนือพื้นดิน ขณะที่ข้างในบ้านร้างเงียบกริบ ไมยาดินและทหาร
ค่อยๆคืบคลานเข้าไป จนเห็นกัญญาภัคถูกปิดปากหัวห้อยมัดโยงอยู่กับขื่อด้วย
โซ่ขนาดใหญ่ ทหารรีบตัดเชือก ไมยาดินรอรับกัญญาภัคด้วยวงแขนที่ แข็งแรง
ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้แทบสัมผัสลมหายใจของกันและกัน ไมยาดินถึงกับตะลึง
แต่อึดใจก็ได้สติเมื่อกัญญาภัคโวยวาย

"มายืนหน้าโง่ทำไม มันหนีไปแล้ว ไปตามมันสิ..." กัญญาภัคพูดไม่ทันขาดคำ
ธนูเพลิงก็ขับรถพุ่งเข้ามา มาณสิงห์ ยืนในรถกราดยิงไม่นับ ทหารล้มตายระเนระนาด
ไมยาดินคว้าร่างกัญญาภัคโอบและกลิ้งตัวหลบ มาณสิงห์กราดยิงอีกชุด ก่อนรถ
จะทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง ไมยาดินได้แต่ยิงไล่หลังอย่างเจ็บใจ แล้วหันกลับมาที่กัญญาภัค

"คุณกัญญาเจ็บตรงไหนหรือเปล่า"

"เจ็บตอนที่แกปล่อยให้มันรอดไปนั่นแหละ" กัญญาภัคสะบัดเสียงใส่
ไมยาดินสลด ก้มหน้านิ่ง

เมื่อ กลับไปถึงบ้าน สินาตีซึ่งรอคอยลูกสาวสุดที่รักอย่างจดจ่อก็โผเข้ากอดลูก
แต่ลูกสาวแกะมือแม่ออก รีบเดินไปหาพ่อ บอกพ่อว่า ศิศิราต้องซ่อนตัว
อยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่ไม่น่าจะเป็นแถวนั้น

"ขอบใจมาก" โกญจนาทแตะไหล่กัญญาภัคเบาๆ แล้วเดินออกไป

สิ นาตียังแค้นมาณสิงห์ไม่หาย ขณะเดียวกันก็ชื่นชมไมยาดินที่ไปช่วยลูกสาว
ของเธอทันเวลา แต่ดูเหมือนกัญญาภัคไม่ได้คิดเช่นนั้น เธอวางท่าเฉยเมยกับไมยาดิน
ซ้ำยังตอบกลับอย่างไม่ไยดี เมื่อไมยาดินแสดงความห่วงใย ไมยาดินจึงได้แต่
เก็บกดความไม่พอใจที่กัญญาภัคแบ่งชนชั้นพูดจาเหยียดเขา

เมื่อ อยู่ลำพังคนเดียว กัญญาภัคอดนึกถึงคำพูดดูถูกหยามหยันของมาณสิงห์ไม่ได้
มาณสิงห์จงรักภักดีต่อศิศิรา แต่กับกัญญาภัค มาณสิงห์บอกว่าเธอสวยก็จริง
แต่ยังไงก็เทียบไม่ได้กับหัวใจที่บริสุทธิ์งดงามของศิศิรา อีกทั้งคนอย่างพ่อของ
กัญญาภัคก็ไม่มีวันเป็นกษัตริย์ได้ เพราะกษัตริย์ทรงมีแต่ความรักความเมตตา

"ทำไมผู้ชายทุกคนถึงยอมตายถวายชีวิตเพื่อเธอ... ศิศิรา" กัญญาภัครำพึงออกมา
ด้วยความเกลียดชัง...

ที ฑายุก็เป็นอีกคนที่ปกป้องคุ้มครองศิศิราด้วยชีวิต ซึ่งศิศิรารู้สึกซาบซึ้งใน
ความช่วยเหลือของเขาทุกครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บที่ขา
เธอจึงช่วยทำแผลให้เขาเป็นการตอบแทน หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ถือโอกาสชม
ธรรมชาติกลางป่า ขณะที่พวกเพื่อนๆทีฑายุ อีกทั้งญาณีและส้มเสี้ยวก็เหมือนจะรู้เห็นเป็นใจ

ตกค่ำ ทีฑายุสร้างความประทับใจให้ศิศิราโดยที่เธอไม่รู้ตัวมาก่อน ทีฑายุ
และคนอื่นๆช่วยกันตกแต่งจำลองวิหารร้างเป็นวัง แล้วทำมงกุฎดอกไม้ให้ศิศิรา
ซึ่งทีฑายุเน้นย้ำว่า นี่คือมงกุฎที่ชายไร้ฐานันดรศักดิ์ถักทอขึ้นจากละอองผิว
รอบดวงใจอันต่ำต้อย เป็นเพียงมงกุฎที่สามัญชนคนหนึ่งขอมอบให้ศิศิรา
เจ้าหญิงผู้เป็นดังน้ำค้างสดใสงดงามเหนือบัลลังก์ ทั้งๆที่รู้ว่าค่าของมงกุฎดอกไม้
ไม่อาจเทียบได้กับค่าแห่งมงกุฎแสงจันทร์

"หาก เป็นมงกุฎจากใจ ค่าก็มิด้อยกว่ามงกุฎใดๆเลย" ศิศิราย่อตัวลงให้
ทีฑายุสวมมงกุฎดอกไม้บนศีรษะ แล้วทั้งคู่ สบสายตาถ่ายทอดความรักอย่างลึกซึ้งให้แก่กัน

"ขอให้เจ้าหญิงศิศิรา เจ้าหญิงแห่งบัลลังก์แสงจันทร์ ทรงพระเจริญ"

"เจ้าหญิงศิศิราจะต้องเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก"

ญาณี กับส้มเสี้ยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม...ดรัณย์ ประสันต์ มาลข่าน ก้าวมายืน
เบื้องหน้าใกล้ๆกับทีฑายุ แล้วปฏิญาณตนขอเป็นสี่ทหารเสือที่จงรักภักดี
ต่อเจ้าหญิง พวกเราจะยอมตายเพื่อราชวงศ์

"ขอบคุณทหารกล้าของเราทุกคน ขอบคุณเพื่อนที่ดีที่สุด และขอบคุณสำหรับ
มงกุฎแสงจันทร์ ที่จะไม่มีวันโรยราไปจากใจเรา"

ศิศิรายิ้มให้ทุกคน และมาหยุดที่ทีฑายุเป็นคนสุดท้าย...

ooooooo

ตอนที่ 8

สาย วันใหม่ ขณะทุกคนแยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัย ไมยาดินกับทหา
รกลุ่มหนึ่งได้จู่โจมเข้ามาจับกุมตัวทุกคนอย่างไม่คาดคิด แม้ทีฑายุและเพื่อน
ทั้งสามพยายามต่อสู้ขัดขืน แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะพวกไมยาดินที่มี
อาวุธครบมือได้ ทุกคนบาดเจ็บไปตามกัน ก่อนจะถูกจับเข้าวังพร้อมศิศิรา
ญาณี และส้มเสี้ยว

พวกทีฑายุถูกจับ ขังคุก ส่วนศิศิราถูกนำตัวเข้ามาในท้องพระโรงราวนักโทษ
รอการสอบสวน แต่เธอไม่แม้แต่จะมองโกญจนาทที่ยืนวางอำนาจอยู่เบื้องหน้า

"เจ้าหญิง บีบให้เราต้องทำเหมือนคนโหดร้าย ไม่มีมนุษยธรรม ยิ่งหนี
ยิ่งดิ้นรน ทางออกของเจ้าหญิงก็เหลือน้อยลง เพื่อให้บัลลังก์แสงจันทร์มั่นคง
และปัญจารัตน์มีความสงบสุข เราได้เลือกหนทางไว้ให้แล้ว...คือเจ้าหญิงต้องแต่งงาน"
ศิศิราเงยหน้ามองโกญจนาทด้วยแววตาตื่นตระหนก "ฟังไม่ผิดหรอก เพื่อบ้านเมือง
ขัตติยนารีอย่างเจ้าหญิงศิศิราต้องแต่งงานกับสายเลือดของโกญจนาท"

ศิ ศิรารู้สึกขยะแขยงที่สุด หันหลังวิ่งออกไปยืนร้องไห้ น้ำตาไหลพราก
แล้วยิ่งเจ็บช้ำจนแทบยืนไม่อยู่ เมื่อกัญญาภัคกับสินาตีตามมาเยาะหยันราว
กับเธอเป็นทาสก็ไม่ปาน ส่วนไมยาดินซึ่งได้รับคำสั่งจากโกญจนาทก็กำลัง
ปลดปล่อยพวกทีฑายุออกจากคุก เพราะในวังกำลังจะมีงานใหญ่ พวกขี้ข้าขี้
ครอกริมถนนพวกนี้จึงไม่สมควรจะถูกขังให้เป็นเสนียด

เมื่อ รู้ว่าศิศิรากำลังจะแต่งงานกับเจ้าบ่าวที่โกญจนาทเลือกเฟ้นมาให้ ทุกคน
จึงวางแผนให้ทีฑายุแอบเข้าไปพบศิศิรา โดยเพื่อนๆของเขาทุกคนและส้มเสี้ยว
จะคอยดูต้นทางให้...เมื่อศิศิราได้ยิน เสียงเป่าใบไม้ ก็รู้ทันทีว่าเป็นทีฑายุ
เธอจึงแอบออกไปพบเขาที่สวนดอกไม้ แล้วร่ำไห้ขอร้องให้เขาช่วยเธอด้วย
เธอไม่อยากแต่งงานกับสายเลือดของโกญจนาท ทายาทของกบฏ...ทีฑายุ
ได้แต่โอบกอดปลอบใจเธอ แต่ไม่รับปาก

วันต่อมา โกญจนาทรุกเร่งศิศิราให้ตัดสินใจเรื่องแต่งงาน ถ้าไม่อยากเห็นธราเทพต้องตาย
ศิศิราสุดคับแค้น แต่ยังไม่ตอบรับ จากนั้นก็หาทางพบทีฑายุอีกครั้งเพื่อให้
เขาช่วยชิงตัวธราเทพออกมาให้ได้ แต่ทีฑายุท้วงว่า เจ้าชายยังเด็กเกินไปกับความลำบาก

ในที่สุด โกญจนาทก็ข่มขู่บังคับจนศิศิราต้องยอมรับสภาพในวันรุ่งขึ้น...
ส่วนมาณสิงห์ ที่ถูกไมยาดินตามจับได้พร้อมธนูเพลิง ก็รู้ข่าวการแต่งงานของ
ศิศิราก่อนจะถูกจับยัดคุกหมดอิสรภาพ

ภายในท้องพระโรงที่เต็มไปด้วยทหารน้อยใหญ่ของโกญจนาท ศิศิราถูกควบคุมตัว
เข้ามายืนต่อหน้าโกญจนาทและสินาตีที่นั่งคู่กันบนบัลลังก์

"เพื่อ ความสุขสงบของบ้านเมืองปัญจารัตน์ เจ้าหญิงศิศิราจะทรงอภิเษกสมรส"
คำพูดของโกญจนาททำให้หลายคนที่ไม่รู้มาก่อนต่างส่งเสียงฮือฮาสงสัย
ไม่เว้นแม้แต่ทาอู

ทหารคนสนิทของโกญจนาท

"ใครกัน ท่านโกญจนาท" ทาอูเอ่ยถาม

"กับคนที่เหมาะสม คู่ควรที่สุดในแผ่นดิน"

"ต้องเป็นเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ต่างเมืองแน่ๆเลย" น้ำเสียงทาอูประชดประชัน

"ไม่ใช่เจ้าชาย แต่พระสวามีของเจ้าหญิงศิศิราคือเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลเรา"

สิ้น เสียงทรงอำนาจของโกญจนาท ทีฑายุก็เดินเข้ามาช้าๆ ท่ามกลางเสียงฮือฮา
และสายตาตกตะลึงของทุกคน โดยเฉพาะกัญญาภัคที่ส่ายหน้ารับไม่ได้

"เขาคือทายาทคนเดียวที่จะสืบทอดทุกสิ่งทุกอย่างจากเรา เป็นสายเลือดที่เรารัก
และไว้วางใจที่สุด"

ที ฑายุก้าวเข้ามายืนเคียงข้างศิศิราที่รู้สึกชาวาบไปทั้งตัว มือที่กำมงกุฎดอกไม้สั่นเทา
นึกไม่ถึงกับความจริงที่พลิกผัน....กัญญาภัคจ้องทีฑายุกับศิศิราด้วยแววตา ลุกโชน
ไปด้วยความผิดหวัง ต่างจากโกญจนาทเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสมหวังปลื้มเปรม

"ทีฑายุคือหลานชายคนเดียวของเรา และจะเป็นสวามีของเจ้าหญิงศิศิรา"

"คง ดีใจจนอยากร้องไห้ สวมมงกุฎให้เจ้าบ่าวหน่อยสิ" ทีฑายุไม่พูดเปล่า
ทำท่าจะหยิบมงกุฎดอกไม้ในมือศิศิรา แต่ ศิศิรายกมงกุฎขึ้นฟาดหน้าเขาเต็มแรง

"เราไม่แต่งงานกับผู้ชายหน้าไหว้หลังหลอก"

"น่าเสียดาย มงกุฎดอกไม้จากใจชายต่ำต้อย" ทีฑายุ ยิ้มกวน

"เห็นทีจะเป็นวิวาห์มหาสนุก" ทาอูเยาะ

"สภาพแบบนี้ จะแต่งกันเข้าไปได้ยังไง" สินาตีเอ่ยอย่างขัดใจ โกญจนาท
สวนทันควันว่า

"ทำไมจะแต่งไม่ได้ ในเมื่อเป็นความต้องการของเรา"

"อย่า ได้ฝันว่าสองสายเลือดจะผสานกันเลย โกญจนาท เราไม่แต่งงานกับทีฑายุ"
ศิศิราประกาศกร้าว ทีฑายุเอียงหน้ามาเน้นย้ำให้ได้ยินกันสองคน

"ไม่แต่ง...น้องชายก็ตาย"
..............................

มงกุฏแสงจันทร์ 21/11/52

ตอนที่ 8 (ต่อจากวานนี้)

ศิศิราหันขวับจ้องทีฑายุอย่าง เคียดแค้นชิงชัง...โกญจนาท ไม่ปล่อยเวลาผ่านไป
สรุปหนักแน่นว่า การแต่งงานของเจ้าหญิงกับหลานชายของตนจะต้องมีขึ้น
เพื่อความมั่นคงสงบสุขของ แผ่นดินนี้ และหวังว่าทุกคนคงจะยินดีกับชาย
ผู้เหมาะสมที่สุด ดีที่สุด ที่ตนเลือกให้เจ้าหญิง

"ตื่นเต้นจะได้เป็นเจ้าสาว ดีใจจนพูดไม่ออก" ทีฑายุพูดยิ้มๆ เห็นเป็นเรื่องน่าขัน
...กัญญาภัคที่เจ็บใจและหมั่นไส้

ศิศิราก็เย้ยหยันขึ้นมา

"น่าสมเพชเหลือเกินนะคะ เป็นถึงเจ้าหญิงเพียบพร้อมทุกอย่าง แต่ต้องมา
แต่งงานเพราะตกลงไปในกับดักของชายคนรัก"

ศิ ศิราทนฟังไม่ไหวผลุนผลันออกไปทันที ทีฑายุหันมองกัญญาภัคที่จ้องมา
โกญจนาทรีบตัดบทให้ทีฑายุไปคุยกับเจ้าหญิงว่าต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง
ทีฑายุรับคำแล้วเดินผ่านกลุ่มรามปุระที่วางท่าเมยเฉยไม่ยอมรับ
ตรงข้ามกับโกญจนาทที่ยิ้มสบายใจ

ศิศิราเดินมาหยุดกลางสวนดอกไม้ นึกถึงคืนวันที่เคยใกล้ชิดทีฑายุ
จนถึงวันที่เขาสวมมงกุฎดอกไม้ให้เธอที่วิหารร้าง...ยิ่งคิดก็ยิ่งผิดหวังและ
เสียใจจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่

"ต่อให้ร้องจนน้ำตาเป็นสายเลือด เราก็หนีกันไม่พ้น" เสียงทีฑายุดังขึ้นข้างหลัง
ศิศิราหันขวับ ไล่เขาออกไป เธอไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายเลือดเย็น หลอกใช้
กระทั่งผู้หญิง "ของแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก หรือว่าลืมไปแล้วกั
บอ้อมกอดอุ่นๆในคืนหนาว" พูดจบทีฑายุก็รวบตัวศิศิรามาใกล้ เอ่ยทวน
คำที่ศิศิราเคยขอร้อง "สัญญานะ ว่าเธอจะไม่ปล่อยให้ชีวิตเราต้องเป็นของคนอื่น"

ศิศิราน้ำตาไหลพราก กัดฟันถามทีฑายุว่า เหนื่อยไหมที่ต้องใส่หน้ากากเสแสร้ง
เป็นคนดีกับเธอมาตลอด

"ผม อยากให้เจ้าหญิงชมว่าผมเป็นนักแสดงฝีมือฉกาจเยี่ยมยุทธ ที่จะเล่นเป็นใคร
บทไหนก็ได้ ทีฑายุชายต่ำต้อยแสนดีกับบทนี้ที่เป็นตัวจริง...ทีฑายุ หลานลุงโกญจนาท"

เธอสุดแค้น พยายามขัดขืนจะออกจากวงแขนของเขา แต่เขากลับกระชาก
แรงจนเธอเซปะทะอกเขา

"ร้องสิ...ร้องขอความเห็นใจ"

"เราจะไม่ยอมขออะไรอีก เพราะเรารู้แก่ใจแล้วว่าเธอคือสายเลือดคนอำมหิต"

"งั้นก็ก้มหน้ารับชะตากรรมของตัวเองซะ เพราะเราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด"

"เพื่อมงกุฎแสงจันทร์ มงกุฎที่ลุงหลานใจหยาบช้าสมคบคิดจะเอาไปจากเรา"

"มงกุฎ น่ะสำหรับลุงโกญจนาท แต่เจ้าหญิงคือของแถมสำหรับทีฑายุ...
น้ำค้างบริสุทธิ์หยดนี้มันต้องเป็นของ ไพร่ แล้วนับตั้งแต่นี้ คนที่จะกอดเจ้าหญิงได้
มีแค่ผู้ชายชื่อทีฑายุเท่านั้น"

ศิศิราตบหน้าทีฑายุฉาดใหญ่ แล้วสะอื้นไห้จนไหล่สะท้าน พอเห็นทีฑายุผละ
ไปอย่างไม่ไยดี ก็ยิ่งร้องไห้หนักอย่างคนที่ถูกทรยศ

ส่วนอีกด้านของวัง ทาอูกำลังบ่นกับรามปุระและ

ไม ยาดิน ด้วยเรื่องที่จู่ๆพวกเราต้องยอมให้ไอ้เด็กเมื่อวานซืนอย่างทีฑายุข้ามหัวไป
นั่งเสวยสุขเป็นสวามีเจ้าหญิง ทั้งที่เราอุตส่าห์ วางแผนทำมาทุกอย่าง แล้วทายาท
เสเพลอย่างทีฑายุจะช่วยทำให้บัลลังก์มั่นคงได้ตรงไหน

"เป็น แผนล้ำลึกของท่านโกญจนาทต่างหาก ที่จะใช้การแต่งงานกลืนราชวงศ์จันทราภา"
รามปุระแสดงความเห็น ทาอูสวนทันทีว่า ถ้าเจ้าหญิงยอมให้มัดมือชก...ไมยาดินจึง
เน้นว่า ไม่ยอมก็ไม่เหลือชีวิตทั้งพี่ทั้งน้อง

"ใครจะทำใจได้เร็วอย่างแก ไมยาดิน อยู่ๆก็ต้องก้มหัวให้คู่ปรับตลอดกาล" ทาอูประชด

"ถึงเป็นหลานท่านโกญจนาท แต่ถ้าใหญ่ผิดที่ ก็มีสิทธิ์ ตายได้เหมือนกัน"
ไมยาดินน้ำเสียงเด็ดขาด สีหน้าไม่ยอมลงให้ทีฑายุ

ขณะ เดียวกัน กัญญาภัคเจ็บแค้นโกญจนาทและทีฑายุที่วางแผนแยบยลโดย
ไม่บอกเธอสักคำ เมื่อเข้ามาเห็นสินาตีกำลังชื่นชมชุดและเครื่องประดับของกษัตริย์
ราชินี และของเธอเองฐานะเจ้าหญิงที่ใกล้เสร็จเรียบร้อยสำหรับงานสถาปนา
กัญญาภัคกลับกระชากชุดทั้งหมดมากรีดด้วยมีด สินาตีตกใจรีบดึงมือลูกสาว
พร้อมกับร่ำร้องว่า แกมาฉีกชุดราชินีของแม่ทำไม?

"ยังหวังว่าจะได้เป็นราชินีสินาตีอยู่อีกเหรอ แม่ลืมตาดูซะบ้างว่าโกญจนาทผัวใหม่
ของแม่มันหลอกใช้เรา"

"ท่านโกญจนาทคือพ่อของแก" สินาตีย้ำ

"กัญญา ไม่ใช่เด็กอมมือ กัญญาจำได้ว่าเราเคยอยู่กับพ่อ แต่แม่ทิ้งพ่อมาเพราะคิด
ว่าถ้าได้อยู่กับโกญจนาทแล้วมันจะบันดาลทุกอย่างให้ แม่ แล้ววันนี้โกญจนาทมัน
ทำอะไรกับเรา แทนที่จะเป็นครอบครัวของเราสามคนที่ได้ยืนเด่นสง่าอยู่บนบัลลังก์
แสงจันทร์ โกญจนาทมันหักหลังเรา มันวางแผนกับพี่ทีฑายุมาตลอด เพราะมัน
จะดึงเจ้าหญิงใต้บัลลังก์อย่างศิศิราให้ขึ้นมายืนเทียบเรา"

กัญญาภัคเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บแค้นชิงชัง กระชากชุดมาขยำจนข้อมือเกร็ง
แววตากร้าว สินาตีตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

"แล้ว คนที่เคยเป็นทายาทคนเดียวอย่างกัญญา ทายาทที่ทนรองรับอารมณ์ของมันเคย
ได้อะไรตอบแทนบ้าง เจ้าหญิงบนบัลลังก์ต้องมีคนเดียว เจ้าหญิงแห่งมงกุฎแสงจันทร์
คือกัญญาภัคคนเดียว ไม่ใช่ศิศิรา"

"ยังไง...ท่านโกญจนาทก็เลี้ยงเรามา"

"เลี้ยง ไว้เป็นทาสน่ะสิ เราคือทาสสองแม่ลูกที่โกญจนาทเลี้ยงไว้เสริมบารมีตัวเอง
แต่ไม่ใช่ทายาทที่พร้อมจะยกย่องเชิดชู ยกทุกสิ่งทุกอย่างให้เหมือนพี่ทีฑายุ
ถ้ากษัตริย์โกญจนาทต้องการแค่ทายาทผู้ชายไว้เป็นเสาค้ำจุนบัลลังก์ ต่อไปนี้
กัญญาก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับไอ้พ่อเลี้ยงคนนั้นอีก กัญญาจะไม่เรียกไอ้โกญจนาทว่าพ่อ"

"ไม่ได้ แกคิดแบบนี้ไม่ได้"

"กัญญา จะคิด แม่ก็รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่โกญจนาทมันไม่เคยเห็นกัญญาอยู่ในสายตา
ไม่เคยเห็นเลย..." กัญญาระเบิดอารมณ์ใส่แม่ แล้วย้อนนึกถึงอดีตในวัยแรกสาวสวย
สะพรั่ง แต่เธอกลับถูกโกญจนาทจับตัดผมจนเว้าแหว่ง เพียงเพราะมีผู้ชายมาชอบพอเธอ
และเขายังดุด่าเธออย่างหยาบคาย โดยที่แม่ก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้ มีเพียงทีฑายุที่มา
ปลอบโยน และซ่อมแซมตัดผมให้เธอใหม่
เธอจึงยึดเขาเป็นที่พึ่ง ซึ่งเขาเองก็สัญญาจะทำทุกอย่างให้น้องสาวคนนี้มีความสุขที่สุด...

แต่แล้ววันนี้ทั้งโกญจนาทและทีฑายุกลับทำให้กัญญาภัคผิดหวัง เจ็บปวดแสนสาหัส

"ผู้ชาย สองคนที่ถือว่าเป็นครอบครัว สองคนที่ไม่เคยปริปากให้เรารู้ว่ากำลังวางแผนอะไร
เพราะพี่ทีฑายุกับโกญจนาทมันวางไว้แล้วว่าเราจะเป็นได้แค่ดอกไม้ประดับฐาน บัลลังก์"

"ถึงยังไงแกก็ต้องเคารพท่านโกญจนาท" สินาตียังยืนกราน

"กัญญาจะไม่เหลือความเคารพให้ใคร ไม่เหลือใจให้ คนที่ผิดสัญญา" กัญญาภัคสะบัดเดินออกไป
สินาตีมองตามด้วยแววตาวิตก

กัญญา ภัคกลับไปที่ท้องพระโรง แสร้งชื่นชมโกญจนาทกับทีฑายุช่างงามสง่าควรคู่กับบัลลังก์
แสงจันทร์อย่างหา ผู้ใดเสมอเหมือนมิได้...เมื่อโกญจนาทพูดคุยด้วย กัญญาภัคกลับไม่เรียก
เขาว่าพ่อเหมือนทุกที ทำให้โกญจนาทเอ่ยถามอย่างแปลกใจ

"กัญญาเรียกว่าท่านค่ะ" เธอย้ำชัด "เพราะตอนนี้กัญญากำลังยืนอยู่หน้ากษัตริย์โกญจนาท
กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่เหนือกว่าความเป็นพ่อ"

"ฉลาดพูด" โกญจนาทยิ้มพราย เดินอารมณ์ดีออกไป

เมื่ออยู่กันตามลำพัง ทีฑายุกล่าวอย่างรู้สึกผิดที่ไม่เคยเล่าเรื่องแผนให้กัญญาภัคฟัง

"ก็ทำไมไม่เล่าล่ะคะ หรือว่าพี่ทีฑายุเชื่อฟังท่านโกญจนาท จนลืมว่าเราเป็นพี่น้องกัน"

"พี่ไม่เคยลืมว่ากัญญาคือน้อง พี่รู้ว่ากัญญาเสียใจ ที่พี่ทำตัวมีความลับ"

"จิตใจน้องคนนี้ยังสำคัญกับพี่อยู่อีกหรือคะ"

ทีฑายุเดินเข้ามาใกล้ จับไหล่กัญญาภัคให้หันมาเผชิญหน้ากัน แล้วย้ำว่า
น้องสำคัญสำหรับพี่เสมอ

"แต่ก็น้อยกว่าความสำคัญของแผนแย่งชิงมงกุฎแสงจันทร์"

"พี่ขอโทษ ต่อไปพี่จะไม่ทำให้น้องเสียใจอีก"

"เป็น สัญญาหรือเปล่าคะ สัญญาจากพี่ทีฑายุว่าบัลลังก์ แสงจันทร์จะเป็นของเรา"
ทีฑายุนิ่งเงียบ เธอจึงรวบรัด "ไม่ตอบ แปลว่าใช่นะคะ กัญญาถือว่าพี่ทีฑายุสัญญาแล้ว
ว่าอะไรที่น้องต้องการ พี่ชายก็จะหามาวางลงตรงหน้า"

ทีฑายุยิ้มแทนคำตอบ กัญญาภัคปั้นยิ้ม เก็บกดความรู้สึกเจ็บแค้นไว้ภายใต้ใบหน้าหวานละมุน...

ooooooo

เช้า วันต่อมา ศิศิราลงไปคุยกับมาณสิงห์ที่ถูกขังในคุก ศิศิราต้องการให้มาณสิงห์รวบรวม
ทหารและประชาชนที่ยังจงรักภักดีต่อพ่อแม่ของ เธอเพื่อต่อต้านความชั่วช้าขอ
งพวกโกญจนาท ซึ่งเธอจะแลกอิสรภาพให้มาณสิงห์เอง

ศิศิรามาเจรจากับทีฑายุให้ปล่อย มาณสิงห์ แล้วเธอจะยอมทำทุกอย่างที่เขาต้องการ
ทีฑายุไม่ชอบใจที่ศิศิรายอมแลกเพื่อมาณสิงห์ เขาดึงเธอไปที่ห้องดนตรี แล้วบังคับ
ให้เล่นเชลโลในลักษณะนั่งแนบชิดกับเขา กัญญาภัคแอบมองอยู่หน้าห้อง จิตใจแทบ
ระเบิดด้วยความริษยาอาฆาต

แล้ว ครู่ต่อมา กัญญาภัคก็สั่งรักเร่ให้ไปบอกทหารว่าเธอจะออกไปข้างนอก
เพื่อหาของขวัญสุดพิเศษให้เจ้าหญิง ส่วนศิศิรา หลังจากยอมเล่นเชลโลตามที่
ทีฑายุต้องการแล้ว เธอจึงทวงถามเรื่องที่เขาจะปล่อยมาณสิงห์ ทีฑายุกลับเล่นลิ้น
ว่าใครพูด ไหนล่ะพยาน...ศิศิราโกรธจี๊ด คว้าคันชักเชลโลจะตี...ทีฑายุกลับ
ลอยหน้าท้าทาย ก่อนจะรวบตัวเธอมาจนได้

"คิดว่าเสียสละเพื่อองครักษ์ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น"

"เรา ไม่ได้ทำเพื่อมาณสิงห์คนเดียว แต่เราทำเพื่อประชาชน เพื่อบ้านเมืองที่จะ
ไม่ต้องมีผู้นำชั่วช้า แล้วอย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองชนะเลยนะ เพราะสงครามระหว่าง
เราเพิ่งเริ่มต้น ตราบใดที่เรายังไม่ตาย ลมหายใจที่เหลือของทั้งชีวิต เราจะ
ขอมีไว้เพื่อเกลียดเธอ"

(อ่านต่อหน้า 30)

ศิศิราจ้องที ฑายุดุดัน แล้วหันหลังฝืนความเจ็บเดินออกไป ทีฑายุโมโหตะโกนลั่น
สั่งหทารให้ลงไปที่คุก...จากนั้นไม่นาน มาณสิงห์กับธนูเพลิงก็ถูกปล่อยตัว

ด้านกัญญาภัคที่ออกไปหาของขวัญสุดพิเศษให้

ศิศิรา...ทันทีที่กลับเข้ามาก็ตรงไปหาศิศิราที่กำลังร่ำไห้อยู่

ในห้องปักไหม หลังผละจากทีฑายุมาได้ไม่นาน แล้ว

ศิศิราต้องผงะกับของขวัญที่กัญญาภัคใส่พานมายื่นให้ตรงหน้า เพราะมันคืองาช้าง
ที่เปรอะไปด้วยเลือดแดงฉาน

"งาช้างคู่บุญบารมีผู้สูงศักดิ์ ของขวัญสำหรับวันสำคัญของเธอกับพี่ทีฑายุ"

"เธอฆ่าช้างของเรา..." ศิศิราครางเสียงสั่น

"ก็ แค่ช้างตัวเดียว...ไม่ใช่ทั้งปาง ยังเหลือให้สังเวยเล่นอีกเยอะ นี่คือคำอวยพรจากฉัน
ต่อไปทุกอย่างๆรอบตัวเธอมันจะต้องมีชีวิตชีวาอิ่มเอิบสดใสไปด้วยสีเลือด ไม่ว่าจะชีวิตคู่
กับชายคนรักผู้ทรยศ ไม่ว่าจะราชวงศ์ที่ล่มสลาย เห็นเลือดมั้ยศิศิรา สีแดงสวยขนาดนี้
มันคือสีแห่งความยินดีให้กับแผ่นดินที่กำลังจะล่มจม"

ศิศิราเบือนหน้าหนี กัญญาภัคมองด้วยรอยยิ้มและแววตาสะใจ

ooooooo

ตอนที่ 9

หลังจากได้รับอิสรภาพอย่างง่ายดาย มาณสิงห์

ก็ต้องมาเผชิญหน้ากับทีฑายุในท้องพระโรง

"ทำไมแกถึงปล่อยฉัน" มาณสิงห์ถามเสียงแข็ง

"ก็ตอบแทนอะไรนิดๆหน่อยๆที่ศิศิราเต็มใจและยินยอมทำให้"

มาณสิงห์จ้องตาวาว ทีฑายุแกล้งแตะริมฝีปากกวนๆ ยั่วอารมณ์โมโห

"แกล่วงเกินเจ้าหญิง"

"มากกว่านี้...ฉันกับเจ้าหญิงก็เคยมาแล้ว"

"ไอ้เลว ไอ้ชั่ว ไอ้ปากพล่อย มึงต้องตาย" มาณสิงห์พุ่งพรวดเข้าจับแขนทีฑายุจะบิด
แต่ทีฑายุกระแทกศอกเข้าหน้าจนมาณสิงห์หงาย

"ฉัน ปล่อยให้แกออกมาเพราะแค่จะเอาใจเจ้าสาวของฉัน หวังว่าแกคงจะฉลาดพอ
อยู่นิ่งๆรักษาชีวิตที่ได้คืนมาจากชายกระโปรงเจ้าหญิงไว้ให้ดี เพราะต่อไปนี้คนที่จะ
ปกป้องเจ้าหญิงไม่ได้ชื่อมาณสิงห์ แต่จะเป็นทีฑายุ"

"ฝัน ไปให้พอเถอะไอ้ทีฑายุ ก่อนที่ฉันจะปลุกแกให้ รู้สึกตัวด้วยการตัดหัวแล้วก็เอา
เลือดชั่วของแกมาล้างคราบอัปรีย์ สกปรกของตระกูลแกทั้งโคตร" มาณสิงห์ตวาดใส่
ทีฑายุจ้องปะทะสายตาเอาเรื่อง ต่างคนต่างแรงไม่ยอมกัน...

ศิศิราหน้าตาตระหนก เดินหนีกัญญาภัคออกมาจากห้องปักไหม แล้วหยุดพิงเสาทำท่าจ
ะอาเจียน มาณสิงห์หัวเสียมาจากทีฑายุ เดินเลี้ยวมาเห็นศิศิรา รีบวิ่งเข้ามาถามด้วย
ความเป็นห่วง ศิศิราไม่อยากพูดถึง รีบแสดงความยินดีที่มาณสิงห์ถูกปล่อยตัว
พลางเร่งให้เขาไปหาสันธิ ฝากความห่วงใยของเธอไปให้สันธิด้วย

"แต่ทีฑายุจะฉวยโอกาสลบหลู่เกียรติพระองค์" มาณสิงห์ยังลังเล

"เขาก็แตะได้แค่ผิวกายภายนอก แต่ในใจเรา...ไม่มีแม้เงาของทีฑายุอยู่อีกแล้ว"
.....

มงกุฎแสงจันทร์ 22/10/52

ตอนที่ 9 (ต่อจากวานนี้)

มาณสิงห์ก้มคำนับแล้วเดินแยกไป ศิศิราหันอีกทาง เพื่อจะกลับห้องตัวเอง
โดยไม่รู้เลยว่าทีฑายุยืนฟังอยู่หลังเสา ด้วยแววตาจุดประกายความโกรธ
แล้วออกจากตรงนั้นไปอย่างรวดเร็ว เข้าไปรอศิศิราอยู่ในห้อง ครั้นเธอขับไล่ไสส่ง
ทีฑายุ กลับยิ่งท้าทาย ทั้งยังพูดถึงมาณสิงห์ทำนองหึงหวง

"ถ้าเห็นอยู่กับไอ้มาณสิงห์สอง ต่อสองอีก เจ้าหญิงจะโดนลงโทษหนักกว่านี้"
ว่าแล้วทีฑายุก้มลงซุกข้างแก้ม ศิศิราทั้งผลักทั้งร้อง แล้วผละไปตั้งหลัก
ทีฑายุเห็นท่าทีหวาดกลัวของเธอแล้วหัวเราะชอบใจ ก่อนทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
ผิวปากสบายใจ เชิญชวนศิศิรามานอนด้วยกันบนเตียงทั้งนุ่มทั้งหอม...
ศิศิราไม่รู้จะทำยังไงกับเขาดี ได้แต่ยืนกำมือด้วยความแค้น

คืน เดียวกัน กัญญาภัคคิดการณ์ใหญ่จะสังหารโกญจนาท แต่โอกาสไม่อำนวย
เพราะไมยาดินโผล่มาเห็นเธออย่างจัง กัญญาภัคเลยต้องตามน้ำ ทำเป็น
ยิ้มอ่อนโยนกับไมยาดิน หวังจะหว่านเสน่ห์หลอกใช้ไมยาดินให้จงได้

ooooooo

ที ฑายุนอนหลับสบายทั้งคืนบนเตียงนุ่มๆของศิศิรา ขณะที่เจ้าของเตียงต้องอาศัย
โซฟาเอนกายหลับอย่างไม่เป็นสุข จนเช้าศิศิราตื่นมาไม่เห็นทีฑายุ เธอเข้าใจว่า
เขาออกไปแล้ว จึงเตรียมจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ที่ไหนได้ ทีฑายุโผล่มาจากห้องน้ำด้านใน
ศิศิราถึง ผงะรีบถอยไปหลบหลังม่าน

"ไม่มีมารยาท"

"ไม่ได้อยาก ดู แต่มีคนมาถอดตรงหน้า" ว่าแล้วเขาแกล้งเดินเฉียดมาหน้าม่าน
ศิศิราตกใจขยับหนี "ไม่เอาน่า จะอายทำไม เมื่อคืนตอนหลับก็เห็น...ไปทั้งตัว"

"ต่ำทราม เหมือนกันทั้งลุงหลาน"

ทีฑายุฉุน ปัดม่านแล้วปรี่เข้าถึงตัวเธอทันที "ยังหรอกศิศิรา ความต่ำช้าที่เธอเคยเจอ
มันยังไม่ได้ครึ่งที่ฉันกำลังจะทำ"

ศิ ศิราถูกทีฑายุจับเหวี่ยงไปบนเตียง...ส่วนนอกห้อง มาณสิงห์ ญาณี ส้มเสี้ยว
กำลังมีปากเสียงกับกัญญาภัคและรักเร่ ด้วยเรื่องศิศิรา ที่รักเร่ยืนยันว่าทีฑายุอยู่กับ
เจ้าหญิงศิศิราในห้องทั้งคืน มาณสิงห์กับญาณีไม่เชื่อ และพยายามจะเข้าไปดูให้ได้

ที่สุด ญาณีกับส้มเสี้ยวก็ช่วยกันผลักประตูเข้าไปจนได้ และเห็นทีฑายุกำลังคุกคามศิศิรา
อยู่บนเตียงพอดี มาณสิงห์ อยากจะฆ่าทีฑายุเสียเดี๋ยวนี้ แต่ญาณีไม่เห็นด้วย เพราะฝ่ายเรา
เป็นรอง ส่วนทีฑายุพอเห็นมาณสิงห์เจ็บแค้นก็ยิ่งวางท่ากวนโมโห พูดเย้ยหยันก่อน
จะผลุนผลันออกไป โดยมีกัญญาภัคก้าวตามติด

ศิศิราบอก พวกมาณสิงห์ว่า ทีฑายุจงใจฉีกหน้าเธอ แต่ ถึงทีฑายุจะทำอะไรขนาดไหน
ศิศิราก็ไม่เห็นด้วยที่มาณสิงห์จะฆ่าเขา เพราะถ้าฆ่า ก็เท่ากับจุดไฟแค้นให้โกญจนาท
ทำร้ายธราเทพ ฉะนั้นตอนนี้ความอดทนเท่านั้นที่จะชนะทุกอย่าง

ด้านกัญญาภัคที่เมื่อ ครู่เห็นภาพความใกล้ชิดของทีฑายุกับศิศิราบนเตียงนอน
กัญญาภัคจึงตามซักถามทีฑายุอย่างเคืองๆ พร้อมกันนี้ก็หยั่งเชิง นึกว่าพี่ทีฑายุหึง
มาณสิงห์ ทีฑายุ ปฏิเสธทันที อ้างว่าแค่แกล้งศิศิรา ส่วนมาณสิงห์ก็แค่หมาเห่า
เครื่องบิน พี่จะไปหึงให้ได้อะไรขึ้นมา

"ตอนนี้ศิศิราไม่เหลือใครที่หวังพึ่งได้ นอกจากมาณสิงห์"

"เขาไม่กล้าเสี่ยงหรอก ยังไงลุงโกญจนาทก็มีเจ้าชายธราเทพเป็นลูกไก่ในกำมือ"

"พี่ทีฑายุเชื่อมั่นในตัวท่านโกญจนาทเหมือนพ่อ บังเกิดเกล้าเลยนะคะ"

"ลุงคือทุกสิ่งทุกอย่างของเรา"

"ไม่ ต้องเตือนหรอกค่ะ กัญญารู้ตัวดี พี่ทีฑายุต่างหากที่ต้องเตือนตัวเองว่าอย่าเห็น
แก่เจ้าหญิงบ่อยนัก ปล่อยองครักษ์ ผู้ซื่อสัตย์ออกมาคนนึง ก็เท่ากับว่าติดเขี้ยวเล็บ
แข็งแกร่งให้เจ้าหญิงผงาดแข็งข้อขึ้นมาได้อีกนะ คะ"

ทีฑายุฟังคำเตือนของกัญญาภัคแล้วนิ่งคิด ขณะเดียวกันนั้น มาณสิงห์กับศิศิราอยู่
ในสวนดอกไม้ หารือกันเรื่องที่ มาณสิงห์กับสันธิกำลังลอบติดต่อรวบรวมคนที่จะบุก
ชิงตัวเจ้าชายธราเทพออกมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน แล้วโกญจนาทคง
ไม่ปล่อยให้ศิศิรายื้อวันแต่งงานไปนานๆ

ศิศิราเป็น กังวลเดินไปเดินมา แล้วโชคร้ายเหยียบงูที่ขดตัวอยู่แถวนั้น เลยถูกมันกัด
เข้าที่ข้อเท้า มาณสิงห์รีบใช้มีดจัดการงูจนตาย แล้วขออนุญาตศิศิราดูดพิษออกใ
ห้ ก่อนเอา เข็มขัดรัดลงไปเหนือรอยเขี้ยวงู แล้วตัดสินใจอุ้มศิศิราซึ่งกำลังสะลึมสะลือ
จะไปส่งที่ห้อง ระหว่างทางเจอทหาร มาณสิงห์จึงสั่งให้ทหารไปตามหมอหลวงมาด่วน
ให้บอกว่าเจ้าหญิงถูกงูกัด

ญาณีกับส้มเสี้ยวกำลังจะเอาเรื่องรักเร่ ที่ปากพล่อยเที่ยวบอกคนโน้นคนนี้ว่าเจ้าหญิงอยู่
กับทีฑายุในห้องนอนทั้งคืน ทหารที่กำลังจะไปตามหมอหลวงผ่านมาเห็น แวะบอกทุกคนว่า
เจ้าหญิงโดนงูกัด เท่านั้นเองญาณีกับส้มเสี้ยวก็โดดผึงไปทันที

ooooooo

หลังจาก หมอหลวงและพยาบาลมาตรวจรักษาศิศิราจนปลอดภัย แต่ทีฑายุยังโมโห
ไม่หาย ดุด่ามาณ-สิงห์เป็นองครักษ์ที่สะเพร่า ปล่อยให้งูกัดเจ้าหญิงได้ ยังไง
มาณสิงห์โต้เถียงไม่ลดละ ยิ่งทำให้ทีฑายุโมโห ตวาดไล่ทุกคนออกไปจากห้องเดี๋ยวนี้
เขาจะเฝ้าศิศิราเอง ญาณีกับส้มเสี้ยวเป็นห่วงเจ้าหญิงทำท่าจะไม่ยอม แต่ พอทีฑายุ
รับรองความปลอดภัยให้ศิศิรา ญาณีจึงต้อนมาณสิงห์กับส้มเสี้ยวออกไป

ส่วน หมอหลวงออกจากห้องได้ครู่เดียว รักเร่ก็ดอดมาตามเขาไปพบกัญญาภัค
แล้วหมอหลวงก็ยอมทำตามความต้อง การของกัญญาภัคเพราะความโลภ...
หลังรับทองจำนวนหนึ่งจากกัญญาภัคไปแล้ว หมอหลวงก็กลับไปยังห้องศิศิราอีกครั้ง
แต่การไปครั้งนี้ไม่ได้รอดพ้นสายตาของมาณสิงห์ ที่ยังพะวักพะวนเป็นห่วงเจ้าหญิงของเขา
ที่สำคัญ มาณสิงห์เห็นด้วยว่าหมอหลวงกับกัญญาภัคมีการพูดคุยกัน

หมอหลวงอ้าง กับทีฑายุว่าจะมาฉีดยาบำรุงให้เจ้าหญิง แต่มาณสิงห์ที่ตามเข้ามาไม่ยอม
จึงเกิดการยื้อยุดขัดขวางกัน ขึ้นจนเข็มฉีดยาหล่นลงพื้น มาณสิงห์จะเก็บเข็มฉีดยา
หมอหลวงกลับเหยียบมันแตกทันที เท่านี้มาณสิงห์ก็รู้แล้วว่าเขาเข้าใจไม่ผิด

มาณสิงห์จับศีรษะหมอ หลวงกระแทกกับโต๊ะ คาดคั้นว่าใครใช้ให้แกทำ
ใครใช้ให้แกฆ่าเจ้าหญิง ทีฑายุซึ่งตอนแรกตำหนิมาณสิงห์ แต่ตอนนี้เขาเชื่อ
แล้วว่ามีคนปองร้ายศิศิราจริง ส่วนรักเร่ที่แอบมองอยู่หน้าประตูตาเหลือกลาน
รีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที

ฟังรักเร่เล่าว่ามาณสิงห์กำลังเค้นความ จริงจากหมอหลวง กัญญาภัคร้อนรน
กระวนกระวาย พอเห็นไมยาดินเดินผ่านมา กัญญาภัคเกิดความคิดบางอย่าง
รีบไล่รักเร่หลบไปก่อน ส่วนตัวเธอก้าวไปเผชิญหน้าไมยาดินด้วยสีหน้าเป็นกังวล
แล้วแต่งเรื่องเอาตัวรอดว่า

"เราเพิ่งรู้ว่าศิศิราวางแผนแกล้งให้งูกัด เพื่อให้เกิดข่าวลือว่าท่านโกญจนาท
จะลอบปลงพระชนม์เจ้าหญิง"

"ไม่มีใครเชื่อ..."

"ยก เว้นประชาชนที่โดนเป่าหู พอรู้เรื่องก็ลุกฮือปกป้อง เจ้าหญิงของเขา
ศิศิราถึงกับลงทุนเอาตัวเองเข้าเสี่ยง แล้วก็จะ ใช้หมอหลวงที่จงรักภักดี
เป็นปากเป็นเสียงป้ายความผิดกล่าวหาท่านโกญจนาท"

"คุณควรจะเล่าเรื่องนี้ให้ท่านฟัง"

"แล้ว ถ้าท่านเห็นเป็นเรื่องเล็กๆเหมือนที่เธอก็คิดล่ะ จะมีใครเชื่อว่าศิศิรา
จะกล้าสู้แบบคนหลังชนฝา ไมยาดิน เราต้องช่วยท่านนะ เราต้องช่วยยับยั้
งเรื่องนี้ก่อนที่ชื่อเสียงท่าน โกญจนาทจะมัวหมอง"

ไม ยาดินหลงกลกัญญาภัคจนได้ ไมยาดินจะเข้าไปดูศิศิราในห้อง
แต่ถูกส้มเสี้ยวกับทหารขวางประตู ไมยาดินจึงเปลี่ยนใจไปหาหมอหลวง
ที่ถูกขังในคุก ไมยาดินคาดคั้นหมอหลวงให้บอกมาว่าใครสั่งฆ่าศิศิรา
เมื่อหมอหลวงไม่ปริปาก ไมยาดินจึงกระหน่ำยิงหมอหลวงจนตายคาที่

ขณะเดียวกัน ญาณีซึ่งรู้จากมาณสิงห์แล้วว่ากัญญาภัค คือผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
เมื่อญาณีเล่าให้ทีฑายุฟัง ทีฑายุไม่ พอใจอย่างมาก ผลุนผลันไปต่อว่ากัญญา
ภัคว่าทำไมต้องคิดฆ่าศิศิรา กัญญาภัคกลับปฏิเสธด้วยการตัดพ้ออย่างน้อยอกน้อยใจ

"ทำไมไม่พาหมอคน นั้นมาชี้ตัวกัญญาเลยล่ะคะ หรือไม่ต้องมีพยานก็ได้
เพราะไหนๆพี่ทีฑายุก็ปักใจไปแล้วว่ากัญญาจะฆ่าเจ้าหญิง...ใครบอกคะว่ากัญญา
จะทำเรื่องโหดร้ายขนาดฆ่าคนได้ บอกน้องสาวคนนี้หน่อยสิคะ ว่าพี่ทีฑายุเห็นน้อง
เป็นฆาตกรเลือดเย็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งๆที่ชีวิตของน้องไม่เคยเทิดทูน ไม่เคยมอบใจ
ให้ใครเกินพี่ชายคนนี้ หากความหวังของพี่คือการได้อยู่เหนือทั้งบัลลังก์และเจ้าหญิง
ต่อให้ต้องกล้ำกลืนที่ศิศิราจะกดหัวดูถูกที่มาของเรา น้องก็จะมีแต่ความยินดี เพราะ
นั่นคือความสุขของพี่ทีฑายุ แต่ถ้าพี่ทีฑายุไม่เชื่อ หรือคิดว่าความจริงใจของน้องมัน
น่าเคลือบแคลง ก็สั่งยิงทิ้งน้องเลยสิคะ ถ้าเป็นความต้องการของพี่ทีฑายุ ต่อให้ต้อง
หมดลมหายใจ กัญญาก็จะไม่เสียดายชีวิต"

กัญญาภัคบีบน้ำตา ทรุดลงคุกเข่าตรงหน้าทีฑายุ ก้มหัวเหมือนรอรับโทษ แต่ที่จริงกำลัง
ก้มหน้าแอบลอบยิ้ม...แล้วมารยาของเธอก็ได้ผล ทีฑายุดึงกัญญาภัคขึ้นมา กัญญาภัค
แสร้งตีหน้าเศร้า แววตามีแต่ความจริงใจ

"หรือว่าพี่ทีฑายุกำลังลืมสัญญาพี่น้อง เพราะผู้หญิงคนเดียว"

"มันไม่เกี่ยวกัน"

"เกี่ยวสิคะ ไม่งั้นพี่ทีฑายุคงไม่มากล่าวหาน้องเพราะว่าหลงรักเจ้าหญิง"

"กัญญา..."

"กัญญา พูดแทงใจดำใช่มั้ยคะ ที่พี่ทีฑายุทำทุกอย่างลงไปเพราะศิศิรา กัญญาเข้าใจ
พี่ทีฑายุ แต่พี่ไม่เคยเข้าใจน้องเลย" กัญญาภัคซุกหน้าร้องไห้คร่ำครวญกับอกทีฑายุ

ระหว่างนี้เอง ทหารสองคนวิ่งเข้ามารายงานว่าหมอหลวงตายแล้ว กัญญาภัคทำ
สะอื้นตัวสั่นเทิ้ม คาดการณ์ด้วยความหวาดกลัว

"ใครคะ ใครทำเรื่องนี้ขึ้นมา หรือว่าหมอเป็นพวกของเจ้าหญิง แล้วร่วมมือกัน
สร้างสถานการณ์ จวนตัวเข้าก็เลยต้องฆ่าปิดปาก"

ทีฑายุชะงัก นึกย้อนตอนมาณสิงห์ล็อกคอหมอหลวงแล้วดึงเข็มฉีดยามากำไว้ในมือ
...กัญญาภัคเหลือบมองสีหน้าทีฑายุ แล้วทำเสียงไม่แน่ใจ

"กัญญาแค่สงสัย กัญญาไม่มีหลักฐานหรอกค่ะ พี่ทีฑายุต้องระวังตัวนะคะ
เราอาจจะกำลังเป็นเหยื่อของคนที่จ้องจะทำลายครอบครัวเรา"

ทีฑายุเงียบงันไปทันที กัญญาภัคซุกหน้าลงกับอก

ทีฑายุอีกครั้ง ยิ้มร้ายมั่นใจว่ารอดตัวไปได้อย่างหวุดหวิด

ooooooo


มงกุฎแสงจันทร์ 23/11/52


ตอนที่ 9 (ต่อจากวานนี้)

เห็นศิศิราทุกข์ระทมไม่เว้นวาย ซ้ำร้ายยังมาถูกงูกัด มาณสิงห์สู้อุตส่าห์
ไปหาดอกจันทร์กระจ่างฟ้านอกวังมาให้ ด้วยหวังว่าดอกไม้สวยงามหา
ยากชนิดนี้จะทำให้ศิศิรายิ้มได้และนอนหลับฝันดี แต่พอมาณสิงห์
กลับออกไปเฝ้าหน้าห้อง ทีฑายุกลับแอบเข้ามาทางหน้าต่างแล้วทำลาย
มันจนแหลกคามือ แถมยังคาดคั้นศิศิราให้บอกมาว่ากำลังคิดแผนอะไรกับมาณสิงห์

ศิศิราปฏิเสธเสียงแข็ง ทีฑายุรู้ว่าโกหก ทำท่าข่มขู่เธออย่างเหนือกว่า

"รู้ไว้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต่อรองอะไร หรือว่าอยากให้คนทั้ง
วังตื่นมาเห็นสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยของเจ้าหญิง"

"เธอมันก็ดีแต่ปลิ้นปล้อน รังแกผู้หญิงไปวันๆ ถ้าไม่มีลุงคอยบงการ
เป็นหุ่นเชิด ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ชายเสเพล

ป่าเถื่อน"

"ถ้า จะเถื่อนครบเครื่อง มันก็ต้องปล้ำเจ้าหญิงด้วย" ทีฑายุรวบตัวศิศิรา
ทั้งที่เธอพยายามปัดป้อง ขอร้องอย่ารังแกเธออีกเลย "งั้นก็แต่งงานซะ"

"เราเกลียดเธอ"

"เกลียด ก็ต้องแต่ง ถ้าแต่งก็แยกห้องกันอยู่ แต่ถ้าไม่แต่ง เราก็ต้องอยู่ด้วย
กันในห้องนี้ทั้งวันทั้งคืน จะได้รู้ตัวเองสักทีว่า ความเป็นเจ้าหญิงมันมีค่า
เป็นแค่สิ่งที่ทำให้บัลลังก์ลุงโกญจนาทมั่นคง ไม่มีอะไรน่าเสน่หาสำหรับ
ไอ้ทีฑายุเลยสักนิดเดียว"

ทีฑายุผลักศิศิรา ล้มลง แล้วเขาก็กลับออกไปทางหน้าต่างเหมือนตอนเข้ามา
ศิศิราน้ำตาเอ่อ หยิบดอกไม้ของมาณสิงห์ที่แหลกอยู่บนพื้นขึ้นมา แล้วลุกขึ้น
ทำท่าจะเปิดประตู แต่แล้วเปลี่ยนใจดึงมือกลับ ยอมเก็บความทุกข์ไว้เพียงลำพัง...

ข้างฝ่ายทีฑายุ ครู่ต่อมาเขาไปปรากฏตัวที่หอคณิกาอย่างคนหงุดหงิดหัวเสีย
เขาระบายออกจนจตารีคาดเดาได้ไม่ยาก ก่อนจะเข้ามาโอบรอบคอเขา
ไว้อย่างรู้อารมณ์

"ตัวก็ใกล้ หัวใจก็เคยผูกพันกันมา ทำไมทีฑายุถึงจะเอาชนะใจเจ้าหญิงอีกครั้ง
ไม่ได้ล่ะคะ รู้มั้ยผู้หญิงน่ะเอาใจไม่ยาก แค่มีรอยยิ้มในดวงตาให้ หัวใจก็พร้อมที่
จะละลาย เหมือนครั้งนึงแสนนานที่ทีฑายุเคยมีให้จตารี"

ทีฑายุเมินหน้าไปทางอื่นอย่างขุ่นใจ ไม่อยากต่อความ จตารีกระชับอ้อมกอด
ขณะที่ปากก็รำพันจี้ใจดำเขาต่อไป

"โบราณ ว่าสามวันจากนารีเป็นอื่น แต่นี่ทีฑายุก็ไม่เคยห่างเจ้าหญิง นอกเสีย
จากว่ามีใครกำลังแทรกตัวมาเยียวยาหัวใจบอบช้ำ จนทีฑายุหมดความหมาย"

คำ พูดของจตารีทำให้ทีฑายุยิ่งขุ่นมัวเมื่อนึกถึงมาณสิงห์... เขาปัดหมอนใกล้
มือระบายอารมณ์ จตารียิ้มไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ ไม่เร่งรัดรู้คำตอบ เพราะต้องการ
แค่หย่อนเชื้อความระแวงศิศิราลงไปในใจทีฑายุ

ooooooo

ไม ยาดินเจอกัญญาภัคในเช้าวันใหม่ เขาถามเธอว่าบอกเรื่องเมื่อวานให้ท่านโกญจนาท
รู้หรือยัง กัญญาภัครับปากว่าต้องบอกแน่ แล้วไมยาดินก็จะได้ ความดีความชอบ
ไมยาดินเน้นย้ำว่าเขาไม่ได้ทำงานหวังรางวัล

"แต่คนเสียสละกล้า บ้าบิ่นอย่างเธอ ก็ต้องมีคนเห็นใจและซึ้งใจบ้าง อย่างน้อยก็มี
กัญญาคนนึงที่รู้ว่าเธอเป็นคนดี ซื่อสัตย์ต่อท่านโกญจนาทมากแค่ไหน ผู้ชายอย่าง
ไมยาดิน ต่อให้หาทั้งแคว้นก็คงจะไม่มีใครดีเสมอเหมือนอีกแล้ว"

กัญญาภัคยิ้ม โปรยเสน่ห์ ไมยาดินสุดปลื้ม ตกลงไปในกับดักคำชมของกัญญาภัค
อย่างไม่รู้ตัว...ส่วนทีฑายุที่เมื่อคืนหัว เสียไม่สบอารมณ์ เช้าขึ้นแทนที่จะผ่อนคลาย
กลับต้องหงุดหงิดขึ้นมาอีก เมื่อเดินมาเห็นมาณสิงห์ยังปักหลักอยู่หน้าห้องศิศิรา
พอทีฑายุเปิดฉากไล่มาณสิงห์กลับถูกมาณสิงห์ยอกย้อนอย่างเจ็บแสบก่อนเดินจาก
ไป ทีฑายุเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไม่พอใจ ลงนั่งหน้าห้องได้ครู่เดียว ศิศิราก็เปิดประตู
ออกมาเจอ ศิศิราเข้าใจว่าทีฑายุนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อคืน จึงประชดขึ้นมา

"นี่เราคงเป็นนักโทษชั้นดี ถึงได้หลานกบฏโกญจนาทมาเฝ้าไม่ให้คลาดสายตา"

"คน มาเฝ้าด้วยความห่วงใยทั้งคืน ยังไม่ได้นอน แต่หา ความดีไม่ได้เลย"
ทีฑายุโกหกหน้าตาย ศิศิราปรายตามองนิดเดียวแล้วจะเดินหนี ทีฑายุรีบลุก
ขึ้นดันศิศิราติดประตูแล้วใช้แขนล็อกตัว ถามเสียงแข็งว่าจะไปไหนแต่เช้า
เมื่อเธอไม่ตอบจึงค่อนแคะว่านัดองครักษ์ไว้ที่ไหน สวนดอกไม้หรือห้องปักไหม

"อย่า เอานิสัยมักง่ายของตัวเองมาใช้กับเรา" ศิศิราตวาดใส่ ทีฑายุเห็นนางข้าหลวง
หลายคนเดินผ่านเลยแกล้งดันศิศิราชิดประตูและโน้มหน้า เข้าข้างแก้ม นางข้าหลวง
มองมาตาโต ศิศิราอายทั้งดิ้นทั้งผลักแต่ทีฑายุยิ่งแกล้งกอด

"หาที่พลอดรักให้ มิดชิดสมฐานะเจ้าหญิงหน่อยก็ดีนะเพคะ" กัญญาภัคก้าวเข้ามา
ยืนตรงหน้า ศิศิราตกใจผลักทีฑายุสุดแรง "สงสัยครอบครัวเราจะได้สายเลือดใหม่เร็วกว่าที่คิด"

"อย่าฝันเกินไปหน่อยเลยกัญญาภัค แค่พวกกบฏได้แตะบัลลังก์ ความอัปยศ
ก็มากพอสำหรับวังนี้แล้ว"

"แล้วเมื่อกี๊ที่เจ้าหญิงปล่อยให้พี่ทีฑายุกอดจูบล่ะ จะเรียกอะไรดีให้สมกับกา
รปล่อยตัวปล่อยใจ...หญิงงามเมือง เหมาะดีมั้ย"

"ทีฑายุบังคับเรา"

"รวม ที่หายกันไปสองต่อสองก่อนหน้านี้ ก็เป็นการบังคับข่มขืนใจหรือเปล่า
ลับตาคนไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น คงสนิทชิดเชื้อกันได้ตามใจอยาก"

ศิ ศิราหน้าชากับรอยยิ้มเยาะของกัญญาภัคและสายตาของนางข้าหลวงที่แอบมองมา
ศิศิราอับอายขายหน้าจนต้องรีบกลับเข้าห้อง กัญญาภัคยังขุ่นใจเตือนทีฑายุอย่า
ประเจิดประเจ้อนัก คนอื่นจะเอาไปนินทาลับหลังได้ว่าครอบครัวเราไม่ให้เกียรติ ผู้หญิง

ทีฑายุไม่มีท่าทีใดๆ เขาผลักประตูตามศิศิราเข้าไปในห้อง แล้วก็เห็นศิศิราใช้มีด
จ่อคอตัวเองทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้มด้วยความเจ็บช้ำ

"พอใจหรือยัง สนุกมากพอหรือยังที่ได้ทำให้เราสิ้นเกียรติ"

"ก็สนุก แต่วางมีดลงก่อนเถอะ"

"บอกสิว่าจะไม่แต่งงานกับเรา"

"อย่าขอสิ่งที่มันยากนัก เถอะน่า แต่งๆไปก่อน ถ้าอยากอยู่กับองครักษ์จริงๆเดี๋ยว
จะหาทางช่วยให้สมหวังเป็นคราวๆไป เอามั้ย"

"หยุดดูถูกเรากับมาณสิงห์สักที บอกมาทีฑายุ ว่าเธอจะล้มเลิกการแต่งงาน"

"การแต่งงานคือเรื่องที่ลุงโกญจนาทตัดสินใจให้แล้ว"

"ถ้า เธอยืนยันว่าจะทำเพื่อลุง โดยไม่เห็นแก่ความจริงใจที่เราเคยมอบให้ เราก็ต้อง
ทำเพื่อรักษาเกียรติยศแห่งราชวงศ์ เราจะไม่ยอมให้ชีวิตของเราเป็นเครื่องมือของคน
คิดคดทรยศแผ่นดิน"

ศิศิรากดมีดลงที่คอจนเลือดซึมออกมา ทีฑายุตกใจร้องห้าม ขอให้คิดถึงน้องชายบ้าง

"น้องธราเทพต้องรู้ว่าพี่สาวของเขาได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว"

ศิ ศิราจะกดมีดอีก ทีฑายุจึงถอยไปที่ประตูพลางขอร้องให้เธอหยุดทำร้ายตัวเอง
ศิศิรายื่นคำขาดว่าเธอไม่ต้องการงานแต่งงานสกปรก ขณะที่มือก็พร้อมจะกดมีดตลอดเวลา

"รักษาชีวิตไว้ ศิศิรา ชีวิตเจ้าหญิงมีค่ามากกว่าจะยอมสละเพราะเกลียดชังผู้ชายชั่วๆอย่างเรา"
ทีฑายุมองประสานสายตาศิศิรา เมื่อแน่ใจว่าศิศิราไม่ลดมีด ทีฑายุจำใจหันหลังเดินออกประตูไป

เสียงทีฑายุปิดประตูดังโครม ทำให้มาณสิงห์ที่ยืนอยู่ แถวนั้นสังหรณ์ใจ วิ่งมาผลักประตูเข้าไปทันที
...มาณสิงห์ตกใจกับภาพศิศิราน้ำตาไหลพราก มีดยังจ่ออยู่ที่คอ เขาตั้งสติเดินมาใกล้
ค่อยๆดึงมีดออกมาโยนทิ้ง

"เมื่อไหร่เราจะพ้นไปจากฝันร้ายสักที" ศิศิราคร่ำครวญน่าเวทนา

"อย่า ทนต่อไปอีกเลย ถึงเวลาที่เราต้องสู้ เจ้าหญิงทรงสละทุกอย่างมามากเกินไปแล้
ว นอกวังยังมีประชาชนและกองทัพที่ยอมตายแทนพระองค์ ขอทรงรักษาชีวิตและหัวใจ
ไว้ไม่ให้ผู้ใดมาเหยียบย่ำอีก ขอเพียงวางใจในความรัก และภักดีของกระหม่อม"

ขณะเดียวกันนั้น ทีฑายุเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้ามาในท้องพระโรง กัญญาภัคทำไม่รู้ไม่ชี้
ตามเข้ามาสรรเสริญเยินยอที่ทีฑายุกำลังจะได้ครอบครองทั้งบัลลังก์และความรัก

"พี่ไม่ได้มาที่นี่เพื่อครอบครอง"

"แล้วพี่มาทำไมล่ะคะ มายืนในห้องนี้ ในวังนี้ทำไม"

"เรามีหน้าที่ หน้าที่ต้องมาก่อนความพอใจส่วนตัว"

"หน้าที่อะไรคะ"

"วันนึงพี่จะบอก"

"ทุก คนก็นึกถึงแต่ตัวเอง ไม่มีใครเลยที่นึกถึงใจกัญญา ชีวิตกัญญามันคงไร้ค่า"
กัญญาภัคน้อยใจน้ำตาปริ่ม แล้วซบลงกับอกทีฑายุ "กัญญาต้องการแค่ความรัก
ความเข้าใจ ที่ไม่มีใครเคยให้ นอกจากพี่ทีฑายุ"

ศิศิราเดินมาหยุดมอง ผ่านประตูเข้าไปด้านใน เห็นภาพทั้งคู่แนบชิดกัน
ซ้ำได้ยินทีฑายุบอกรักกัญญาภัค แต่ไม่ได้ยินคำต่อท้ายที่เขาย้ำว่ารัก
อย่างน้องสาว เพราะศิศิราวิ่งตามมาณสิงห์ ออกไปเสียก่อน

เมื่อถูกทีฑายุย้ำแล้วย้ำ อีกอย่างไม่มีใจเช่นคนรัก กัญญาภัคเจ็บใจแล้วกะ
ไประบายอารมณ์กับศิศิรา ผู้หญิงซึ่งเป็นตัวการ แต่เมื่อเข้ามาในห้องต้องพบ
กับความว่างเปล่า กัญญาภัคเดินหาจนทั่วห้อง แล้วนึกสังหรณ์ใจ วิ่งพรวดออกไป

มาณสิงห์ กำลังพาศิศิราหนีออกจากวัง แต่เกือบถูกไมยาดินจับได้
ถ้ากัญญาภัคไม่มาขวางอย่างแนบเนียน และเปิดทางปล่อยทั้งคู่ไป
มาณสิงห์กับศิศิราเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร พอพ้นจากวังมาได้ทั้งคู่ก็รีบเปลี่ยน
เสื้อผ้าแล้วมุ่งหน้าเพื่อจะออกนอก เมืองให้ได้ แต่แล้วเกือบจะจ๊ะเอ๋กับทีฑายุ
ที่แวะมาหาจตารี โชคดีที่มาณสิงห์ตาไวเห็นทีฑายุก่อน จึงพาศิศิราหลบไปจากตรงนั้น

ขณะลัดเลาะเข้าไปในซอยหนึ่ง ทั้งคู่เจอหญิงขอทานเนื้อตัวมอมแมม
ศิศิราหวั่นว่าจะหลงทาง มาณสิงห์จึงเข้าไปถามหญิงขอทาน

"ถนนเส้นไหนเป็นทางลัดไปนอกเมือง"

หญิงขอทานก้มหน้าก้มตาชี้มือไปทางเล็กแคบ ศิศิราตอบแทนน้ำใจของหญิง
ขอทานด้วยแหวนที่นิ้วของตัวเอง ถอดส่งให้เก็บเอาไว้ประทังชีวิต

หญิง ขอทานประคองมือรับแล้วยกมือไหว้ท่วมหัว พอศิศิราหันหลังวิ่ง
ตามมาณสิงห์ ออกไป หญิงขอทานก็ค่อยๆเปิดผ้าคลุมหน้าออก
เผยให้เห็นใบหน้าแท้จริงว่าเธอคือกัญญาภัคนั่นเอง

"วิ่งไปเร็วๆ นั่นน่ะมันทางไปนรกของแก...ศิศิรา" กัญญาภัคแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ ร้ายลึก

ooooooo

ตอนที่ 10

หลัง รู้ว่าศิศิรากับมาณสิงห์หนีออกจากวังไปแล้ว ญาณีกับส้มเสี้ยวพยายาม
จะตามไปให้ได้ แต่ทั้งคู่ก็ทุลักทุเลน่าดูขณะปีนกำแพงวัง และสุดท้ายก็ล้มเหลว
เพราะสามหนุ่มเพื่อนของทีฑายุมาเห็นเข้า

โกญจนาทโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตำหนิทีฑายุที่ปล่อยให้ ผู้หญิงอ่อนแอเหมือน
ลูกนกถูกเด็ดปีกหนีไปได้กับองครักษ์ ส่วนทาอูกับรามปุระก็มองทีฑายุอย่าง
ดูแคลน ทีฑายุสีหน้าไม่สู้ดี บอกโกญจนาทว่า ตนกำลังจะไปตามศิศิรา
รามปุระขัดขึ้นทันทีว่าอย่าลำบากเลย เรื่องตามล่าพวกตัวแสบ ไมยาดินเร็วก
ว่าหลานท่านโกญจนาทเยอะ

ไมยาดิน กำลังเร่งรีบจะออกจากวังพร้อมทหารกลุ่มหนึ่ง แต่ถูกกัญญาภัคออก
มาขวางทาง และพูดรู้ทันว่าไมยาดินกลัวไปไม่ทันเจ้าหญิงกับมาณสิงห์...ไ
มยาดินชะงัก สังหรณ์ใจ

"หรือว่าคนปล่อยเจ้าหญิงให้หนีไปคือเธอ"

"เพราะ เรารู้ว่าศิศิราจะหนีไม่พ้นต่างหาก คนเดียวที่จะ ทำให้ศิศิราจนมุมคือ
เธอเท่านั้น...ไมยาดิน" กัญญาภัคยิ้มมีเลศนัย เพราะเธอได้วางกับดักจัดกา
รกับมาณสิงห์และศิศิราไว้แล้ว

มาณสิงห์กับ ศิศิราหลงกลเดินไปตามเส้นทางที่หญิงขอทานชี้บอก แล้วมาณ
สิงห์ก็เหยียบกับดักจนตัวลอยละลิ่วขึ้นไปห้อยต่องแต่งอยู่กับต้นไม้
โชคดีที่ศิศิรายั้งเท้าทัน แต่ก็ยืนตัวเนื้อสั่นด้วยความตกใจ

ด้านกัญญาภัคจอมเจ้าเล่ห์ ผละจากไมยาดินก็มาหาทีฑายุ นำแหวน
ของศิศิรามาโชว์ ทีฑายุจำแหวนวงนี้ได้ดี คว้ามาจากมือกัญญาภัคทันที

"แหวนของศิศิรา...กัญญาได้แหวนวงนี้มาจากไหน"

"รักเร่สิคะ เห็นเจ้าหญิงกำลังเอาแหวนปิดปาก

ชาว บ้านเพื่อซื้ออิสรภาพที่จะหนีไปกับมาณสิงห์ แต่ต่อให้ ตั้งใจหนีไป
ใช้ชีวิตกับมาณสิงห์ไกลแค่ไหน ศิศิราก็ต้องถูกเอาตัวกลับมาแต่งงานกับพี่ทีฑายุจนได้ค่ะ"

ทีฑายุฟังแล้วเดือดปุดในใจ ปาแหวนลงพื้นก่อนเดินผละไป
กัญญาภัคเหยียดยิ้ม พึมพำออกมาด้วยความพอใจ กับแผนของตนเอง

"ความรักที่พี่มีให้ศิศิรานั่นแหละ ที่กัญญาจะให้มันกลับมาแทงใจพี่"

ooooooo

ทั้งที่ตัวเองยังคงห้อยหัวอยู่กับต้นไม้ แต่

มา ณสิงห์ก็ยังมีแก่ใจเป็นห่วงศิศิรา รุกเร่งให้เจ้าหญิงรีบหนีไปก่อนที่
พวกมันจะตามมา ยังไงเจ้าหญิงก็ต้องรักษาชีวิตไว้เพื่อประชาชนทั้งหมด

000000000000

มงกุฎแสงจันทร์ 24/11/52


ตอนที่ 10 (ต่อจากวานนี้)

"เธอก็เป็นประชาชนของเรา"

"เจ้าหญิงศิศิราต้องเป็นน้ำค้างใสกลางใจทุกคน...รีบหนีไปเร็ว"

"ไม่...มาณสิงห์ เราต้องไปด้วยกัน"

"จะ ไม่มีใครไปไหนทั้งนั้น!" น้ำเสียงเฉียบขาดดังขึ้น ไมยาดินก้าวเข้ามาพร้อมทหาร
จำนวนหนึ่งที่กระจายตัวล้อมทั้งคู่ไว้ "แกนี่มันอึดทนทายาดดีจริงๆมาณสิงห์"

"ฉันคงตายตาไม่หลับ ถ้าไม่ได้กำจัดเสี้ยนหนามแผ่นดิน"

"งั้นแกจะได้ตายสมใจในสภาพนั้น แต่สำหรับเจ้าหญิง อย่าให้พระองค์ต้องตาย
เป็นผีเฝ้าป่าเหมือนพ่อ"

"ไอ้ ทหารเลว" มาณสิงห์ตะโกนด่า ไมยาดินเล็งปืนยิงไปที่เชือกขาดกระจุย
ร่างมาณสิงห์หล่นลงกับพื้นดิน...มาณสิงห์ ฉวยจังหวะตวัดเท้าเตะปืนในมือไมยาดินกระเด็น แล้วถีบเข้ากลางอกอย่างว่องไว ศิศิราพยายามช่วยอีกแรง ด้วยการจะหยิบปืนที่พื้นยิงไมยาดิน แต่ไมยาดินกลับพลิกเกมคว้าปืนจากทหารมาจ่ออกมาณสิงห์

"ยกปืนขึ้นมายิงเลย ถ้าอยากให้หัวใจองครักษ์คนสนิทแหลกกระจุย"

ศิศิราตื่นตระหนก มองปืนสลับกับมาณสิงห์ที่ถูกไมยาดินเหยียบอกกดไว้หมดทางต่อสู้

ใน ที่สุดศิศิรากับมาณสิงห์ก็ถูกพวกไมยาดินควบคุมตัวกลับเข้ามาในวัง ศิศิรา
ไม่แม้แต่จะเหลือบมองกบฏโกญจนาทที่นั่งบนบัลลังก์ และรายล้อมไปด้วย
ลูกหลานและทหารใจคด... กัญญาภัคเปิดฉากแขวะศิศิราที่อุตส่าห์หนีไปกับ
องครักษ์หนุ่ม แต่ก็ไม่รอด มาณสิงห์ทนฟังศิศิราถูกหยามเกียรติไม่ไหว
ออกรับแทนศิศิราและท้าทายว่าจะทำอะไรก็ทำตนเลย แต่เจ้าหญิงไม่เกี่ยว

"ห่วงใย กันเหลือเกิน ห่วงเสียยิ่งกว่าเจ้าบ่าวตัวจริง" คำพูดของกัญญาภัคสร้าง
รอยยิ้มหยันและเสียงหัวเราะขบขันให้ทาอูและรามปุระ ทีฑายุถึงกับหน้าตึง
ไม่พอใจ ขออนุญาตลุงโกญจนาทนำตัวศิศิราไปสอบสวนสองต่อสอง
แต่โกญจนาทต้องการให้สอบสวนที่นี่ ว่าแล้วก็เดินลงมารับปืนจากรามปุระเอาไปยื่นให้ทีฑายุ

"โทษของเจ้า หญิงคราวนี้อภัยกันลำบาก ปล่อยไปก็จะเป็นเยี่ยงเป็นอย่าง
ให้พวกท้าทายอำนาจ...พิสูจน์สิว่าแกคือสาย เลือดของโกญจนาทผู้ยิ่งใหญ่
เหนือทุกคนในแผ่นดินนี้ ลงโทษเจ้าสาวของแกต่อหน้าทุกคน"

ทีฑายุมองหน้าศิศิราสลับกับมองปืนใน มือโกญจนาท ทันใดมาณสิงห์ก็ทำลาย
ความเงียบ ตะโกนห้ามไม่ให้ทีฑายุฆ่าเจ้าหญิง ให้มายิงตนนี่ คนที่ต้องตายคือตน
ไม่ใช่เจ้าหญิง...

"ลงโทษคนของแกซะทีฑายุ เรื่องนี้จะได้จบซักที" โกญจาทสั่งเฉียบ ทีฑายุรับปืนม
าจ่อไปที่ศิศิรา มาณสิงห์ทนไม่ได้ เกิดแรงฮึดพุ่งเข้าปัดปืน แต่ทีฑายุเบี่ยงตัวหลบ
พร้อมกับเหนี่ยวไกกระสุนจึงเฉียดปลายผมศิศิราไปเจาะ ผนังห้อง

ทุกคนอึ้งตะลึง ศิศิรายืนตัวแข็ง ไมยาดินตามล็อกตัวมาณสิงห์อย่างรวดเร็ว

"เด็ด ขาดสมกับเป็นหลานท่านโกญจนาท เสียแต่ว่าฝีมือยิงยังไม่แม่น เจ้าหญิงก็เลย
ยังมีลมหายใจรอเป็นเจ้าสาวได้อีกครั้ง" กัญญาภัคยิ้มเยาะ...ทาอูเสริมว่า

"ส่วนองครักษ์ชั้นเลว โยนให้หมามันกัดตาย อย่าให้ เปลืองกระสุน"

ศิศิราเสียงแข็งไม่ยอม อ้างว่ามาณสิงห์ทำตามคำสั่งของเธอ

"เจ้า หญิงกำลังจะบอกว่าลงโทษนายแล้ว ก็ควรละเว้นโทษข้ารองบาท" รามปุระแทรกขึ้น
มาณสิงห์หันมองโกญจนาท แต่โกญจนาทกลับยิ้มอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องต้องอนาทรร้อนใจ

"ถือว่าทำเพื่อความสบายใจของเจ้าหญิงสักครั้ง อย่าให้ คนเอาไปพูดได้ว่าโกญจนาท
ผู้ยิ่งใหญ่โหดเหี้ยมไร้เมตตา
กับผู้น้อยที่คอยพึ่งบุญญาบารมี"

"ไม่ต้อง" มาณสิงห์สวนทันที "ฉันไม่ขอรับน้ำใจสกปรกโสมมของแกเพราะฉันไม่ใช่ทาสรับใช้คนโกง"

"ตรงนี้ไม่มีทาส มีแต่ข้าแผ่นดินคนซื่อมือสะอาดทั้งนั้น"

มาณสิงห์เล่นงานทาอูที่ปากดี แต่ถูกไมยาดินสกัดจนขยับไม่ออก

"ไม่ สำนึกในความเมตตาของท่านโกญจนาท ก็ไม่สมควรจะอยู่ในที่ที่สบายๆ"
ว่าแล้วไมยาดินจะลากมาณสิงห์ไปขังคุก แต่ทีฑายุชิงเรียกทหารมาคุมตัวมาณสิงห์ไปขัง
ไมยาดินจ้องทีฑายุอย่างไม่พอใจ ก่อนจะถีบมาณสิงห์ให้ทหารที่ก้าวเข้ามาคุมตัวออกไป
...ศิศิรากวาดตามอง โกญจนาทและทีฑายุด้วยความเกลียดถึงที่สุด แล้วเดินตามมาณสิงห์ออกไปทันที

มา ณสิงห์ถูกทหารผลักเข้าไปในห้องขัง ศิศิรายืนอยู่ตรงข้ามต่างคนต่างมองกัน
ด้วยความเศร้าสลด แต่มาณสิงห์ต้องเข้มแข็งเป็นกำลังใจให้ศิศิราในยามนี้

"อย่าเสียใจ...เจ้าหญิงต้องไม่มีน้ำตาให้ไอ้คนที่กล้าเหนี่ยวไกปลิดชีวิตพระองค์"

ศิศิราเชิดหน้ากลบเกลื่อนความผิดหวัง ขยับมาเกาะลูกกรงตรงหน้ามาณสิงห์

"ต่อไปนี้สิ่งที่เราจะนึกถึงคือความเลวที่ทีฑายุก่อกรรม ทำเข็ญกับเรา"

มาณสิงห์กุมมือศิศิราให้กำลังใจ ทีฑายุเข้ามาเห็นเต็มสองตา คำรามด้วยความแค้น

"อย่า แค่นึกถึง สมควรที่จะประทับรอยความเลวไว้ในใจด้วย...น่าประทับใจกับ
ความรักความเสียสละ อย่างสุดซึ้ง" ทีฑายุเดินมาดึงศิศิราออกห่าง "มีแรงยืนไหว
หรือเปล่ามาณสิงห์ ถ้าไม่ไหวจะส่งเจ้าหญิงเข้าไปประคองพยาบาลกันในคุกข้าม
วันข้ามคืนอีกสัก หน่อย ไอ้ที่ค้างๆคาๆเพราะไมยาดินไปลากตัวกลับมาซะก่อน
จะได้สานต่อกันจนเสร็จ"

"หยุดความคิดชั่วๆของแกซักที"

"ไม่ต้องห้ามหรอกมาณสิงห์ เพราะสายเลือดเขาสั่งสอนกันมาให้คิดแต่เรื่องชั่วช้าสกปรก"

ศิ ศิรายิ้มเหยียดสะบัดถอยห่าง ทีฑายุหน้าร้อนผ่าว มองอาฆาตมาณสิงห์แล้ว
หันหลังกลับออกไป...กัญญาภัคซึ่งจับจ้องความเคลื่อนไหว ของทีฑายุ แสร้งเข้ามา
แสดงความเห็นใจทีฑายุที่โดนเจ้าหญิงเกลียดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพียงเพราะทำตามคำสั่งโกญจนาท

"ทุกคำสั่งของลุงคือความถูกต้อง"

"คง ไม่มีหลานคนไหนประเสริฐเท่าพี่ทีฑายุอีกแล้ว ที่ให้ความกตัญญูอยู่เหนือความรัก"
กัญญาภัคยิ้มน้อยๆเดินออกไป ทิ้งให้ทีฑายุจมนิ่งกับความคิดรู้สึกทุกข์ทรมานใจไม่น้อย
กับสิ่งที่เพิ่งทำ ลงไป จนเกือบจะทำให้ศิศิราสิ้นลมหายใจ... จึงกระหน่ำฟาดมือข้างที่ถือปืนกับเสาไม่นับ

ไมยาดินดักเจอกัญญาภัค ตรงหน้าบ้านในตอนค่ำ ไมยาดินยกความดีให้กัญญาภัคที่
คราวนี้เธอทำให้เจ้าหญิงถูกจับกลับมา และไมยาดินก็จะบอกโกญจนาทด้วยว่ากัญญา
ภัคช่วยบอกเส้นทางการหนีของเจ้าหญิง แก่เขา

"อย่านะไมยาดิน อย่าบอกท่านโกญจนาท" น้ำเสียงกัญญาภัคร้อนรนจนไมยาดินแปลกใจ
"คือ...ที่จริงเราเองก็มีความผิดที่ปล่อยให้ศิศิราหนีไป แต่ถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็จะพิสูจน์
ไม่ได้เลยว่าใครกันแน่ที่มีฝีมือเก่งพอที่จะยืนอยู่ข้างผู้นำที่แข็งแกร่ง อย่างท่านโกญจนาท
พี่ทีฑายุน่ะใจอ่อนเกินไป คนที่ท่านโกญจนาทสมควรจะเห็นความดีคือเธอ...
ยังไม่ต้องเชื่อเราวันนี้หรอกไม ยาดิน แต่ขอให้เธอมั่นใจว่ามีใครคนนึงที่มองเห็น
และพร้อมจะสนับสนุนให้ทหารดีอย่าง เธอได้รับในสิ่งที่สมควรได้"

กัญญาภัคยิ้มหวานเสียจนไมยาดินหวั่นไหว หัวใจพองโตกับคำชื่นชม แต่ในขณะเดียว
กันรามปุระกับทาอูซึ่งยังอยู่ในท้องพระโรงกับโกญจนาท ทั้งคู่ไม่เห็นด้วยที่โกญจนาท
ปล่อยให้มาณสิงห์มีลมหายใจต่อไป เพราะมาณสิงห์เปรียบเหมือนงูพิษจะแว้งกัดเราเมื่อ
ไหร่ก็ได้ โกญจนาทไม่พอใจสองคนสนิท หาว่าไม่มีสมอง คนที่น่ากลัวกว่ามาณสิงห์คือ
ตัวหัวหน้าที่พร้อมจะยอมถวายหัวเพื่อราชวงศ์ ซึ่งก็คือแม่ทัพสันธิพ่อของมาณสิงห์

เช้ารุ่งขึ้นทาอูกับรามปุระจึง ไปพาสันธิออกจากค่ายทหาร อ้างเพื่อมาปรึกษาหารือเรื่อ
งบ้านเมืองกับท่านผู้สำเร็จราชการซึ่งก็คือ โกญจนาท แต่พอสันธิมีท่าทีแข็งข้อทั้งที่ยังไม่ได้
เผชิญหน้าโกญจนาท สันธิก็ถูกจับไปกักขังรวมกับมาณสิงห์ทันที

สายวันเดียวกัน ทีฑายุจงใจทำให้ศิศิราหึงหวง เขาพาจตารีเข้ามาเล่นเชลโลอย่างแนบชิด
เหมือนครั้งหนึ่งที่เขากับศิศิราเคย เล่น...แรกเห็นศิศิราก็ยากทำใจ แต่จำต้อง
สะกดอารมณ์เอาไว้ไม่ต่อปากต่อคำกับทั้งคู่ แม้ญาณีอยากจะตบจตารีสักฉาด
สองฉาดก็ยังต้องผละจากมาพร้อมศิศิรา แต่อีกครู่เดียวญาณีก็ยิ้มกริ่ม
เมื่อกัญญาภัคกับรักเร่โผล่เข้ามา ญาณีคิดจะยืมมือกัญญาภัคจัดการจตารี
ถึงจะสมน้ำสมเนื้อคนระดับเดียวกัน...ญาณีทำเป็นพูดมีเลศนัยแล้วบุ้ยใบ้ไปทาง
ห้องดนตรี

ได้ผล กัญญาภัคเดินนำหน้ารักเร่ไปทางห้องนั้น เป็นเวลาที่จตารีกำลังแนบชิด
ทีฑายุอย่างเข้าใจความรู้สึกของคนรุ่มร้อนด้วย ความรัก รักเร่เห็นภาพนั้นแล้วร้องกรี๊ดว่า

"มันปล้ำคุณทีฑายุค่ะ"

จตารีผละจากทีฑายุ มองกัญญาภัคอย่างไม่เกรง กัญญาภัคพยายามคุมอารมณ์ฝืนยิ้ม
ทั้งที่ใจกรุ่น อยากเข้าไปกระชากจิกทึ้งจตารี

"ไม่ รู้เลยนะคะ ว่าเดี๋ยวนี้ในวังจะอนุญาตให้นางกลางเมืองเข้ามาบำรุงบำเรอเสนอถึงที่
นี่ถ้ามีคนอื่นมาเห็นคนเสื่อมเสียจะเป็นพี่ทีฑายุนะคะ เพราะอีกคน...เสียจนไม่มีอะไรเหลือดี"

"จตารีเป็นเพื่อนพี่" ทีฑายุออกรับแทน

"เพื่อนแก้ขัดยามอารมณ์เปลี่ยวไม่สมควรพาเข้ามาในวัง แค่มุมไหนที่ปลอดคนก็น่าจะพอ"

"แต่เมื่อกี้เจ้าหญิงศิศิรายังไม่เห็นเดือดร้อนขนาดคุณเลยนะ เจ้าสาวหรือก็ไม่ใช่ แค่น้องสาวญาติห่างๆ"

"จัดการมันเลยค่ะ มันบังอาจมาด่าคุณกัญญาว่าสะเออะ"

"รักเร่จ๊ะ เรากับเขาคนละระดับ" กัญญาภัคพูดเน้นหนัก

"ถ้า รู้อย่างนี้ก็ไม่ควรปล่อยให้คนรับใช้โวยวายให้ หนวกหูเหมือนคนไร้สติ"
ทีฑายุย้อนแล้วผลุนผลันออกไป จตารียิ้มเชิดเดินมาหยุดตรงหน้ากัญญาภัค
เอ่ยเยาะเบาๆ

"เพิ่งรู้นะว่าในวังเขาชอบเลี้ยงหมาพันธุ์หวงก้าง"

รักเร่มองตามจตารีตาขวาง พลางบ่นกัญญาภัคไม่น่าห้ามเลย น่าจะให้รักเร่
ตบจิกกรีดหน้านังจตารีให้หายแค้น

"ผู้หญิง อย่างมันไม่เหมาะที่เราจะเสียมือ ปล่อยให้คนอื่นจัดการดีกว่า
ฉันอยากเห็นเจ้าหญิงถูกนางโลมตบให้สะใจสักครั้ง" กัญญาภัคยิ้มกริ่ม
รักเร่เห็นแล้วค่อยๆคลี่ยิ้ม เดาออกว่านายกำลังจะมีแผนร้าย

ooooooo

หลัง จากจับสันธิยัดคุกไว้เมื่อเช้า ตกบ่ายโกญจนาทก็ประกาศต่อหน้าทหาร
น้อยใหญ่ที่เข้าประชุมว่า ตั้งแต่ บัดนี้ตนขอปลดสันธิออกจากตำแหน่งแม่ทัพ
แห่งปัญจา-รัตน์ ทุกคนเห็นด้วยยกเว้นนายพลวิชัยที่ค้านขึ้นว่า คำสั่งนี้ไม่ถูกต้อง

"ทำการสะเพร่าเหมือนคนถ่อยไม่รู้จักกฎบ้านเมือง ปลดแม่ทัพต้องได้รับ
ความเห็นชอบจากองค์กษัตริย์เท่านั้น"

"นาย พลวิชัย ท่านกำลังยืนอยู่ต่อหน้า..." ไมยาดินพูดไม่ทันจบ วิชัยแทรกขึ้นมา
ว่าผู้สำเร็จราชการโกญจนาท แต่ ไม่ใช่องค์กษัตริย์...ไมยาดินไม่พอใจถึงกับชัก
สีหน้าก่อนโต้ "ต่างกันตรงไหนหรือนายพลวิชัย ทุกวันนี้ท่านโกญจนาทก็ทำงานทุก
อย่างแทนองค์ธราเทพ"

"ทำงานรับใช้ ไม่ใช่แทนและไม่มีสิทธิ์แอบอ้างอำนาจทำการไม่ชอบ แม่ทัพสันธิ
กับมาณสิงห์ควรจะถูกปล่อยตัวออกมาสอบสวนให้ถูกต้อง เพราะตำแหน่งแม่ทัพ
ปัญจารัตน์สูงเกินกว่าจะมารับโทษแห่งองครักษ์"

"ตำแหน่งสูงก็สมควรจะสั่งสอนลูกให้ดีกว่านี้ ไม่งั้นจะอายขายขี้หน้าพลทหาร"
รามปุระผสมโรง

"ถ้า เปรียบกันอย่างนั้น ในที่นี้คงมีทหารใหญ่หลายคนที่ต้องละอายต่อพลทหาร
ที่ให้คำสัตย์สาบานว่าจะสัตย์ซื่อ ไม่คิดล้มล้างอำนาจสูงสุดของแผ่นดิน" วิชัยกวาดตา
มองทุกคนอย่างไม่เกรงกลัว แล้วร้องสั่งทหารไปพาตัวแม่ทัพสันธิกับมาณสิงห์ออกจากคุก

"นายพลวิชัย ท่านกำลังฝ่าฝืนคำสั่งท่านโกญจนาท" ทาอูเสียงกร้าว
แต่วิชัยสำทับเฉียบกว่า

"เรื่องของทหารสิทธิ์ขาดอยู่ที่แม่ทัพ ผู้สำเร็จราชการเป็นแค่ข้าที่ทำงาน
ต่างพระเนตรพระกรรณ แต่ไม่ใช่สมมติเทพเช่นองค์กษัตริย์"

โกญจนาทมองวิชัยอย่างเดือดดาลที่กล้าเอากฎบ้านเมืองมาขัดขวางต่อหน้าทุกคน

อีก พักวิชัยก็นำทหารลงไปทำการปล่อยตัวสันธิกับมาณสิงห์ออกจากคุก
ศิศิราขอบใจวิชัยซึ่งวิชัยยืนยันว่าเขาทำตามความถูกต้อง ประโยชน์บ้านเมือง
คือเรื่องใหญ่ที่ทหารต้องนึกถึง ไม่ใช่การกระทำเพราะความพอใจส่วนตัว
พูดพลางชำเลืองมองมาณสิงห์ด้วยสายตาตำหนิ มาณสิงห์รู้ตัวจึงก้มหน้า

"ครั้งนี้เรากับมาณสิงห์ได้ความซื่อตรงของท่านช่วยไว้" สันธิเอ่ยขึ้น

"บ้าน เมืองวิปริต คนจัญไรเหิมเกริม เราต้องช่วยกันรักษาความซื่อตรงให้เป็นหลัก
ไม่งั้นแผ่นดินจะลุกเป็นไฟ" พูดจบวิชัยค้อมตัวก่อนเดินผ่านศิศิราออกไป

"โกญจนาท คงระแคะระคายเรื่องที่เรากำลังกอบกู้บัลลังก์ ให้เจ้าหญิง
ถึงคิดปลดกระหม่อม ยังไงมันก็ต้องทำให้สำเร็จด้วยการบังคับให้องค์ธราเทพเซ็นคำสั่ง"

"ธราเทพจะต้องฟังเรา" ศิศิรามั่นใจในตัวน้องชาย

"แต่ เราไม่เคยได้เจอองค์ธราเทพเลยนะเพคะ" ญาณีสีหน้าเป็นกังวล มาณสิงห์
ขออนุญาตศิศิราไปชิงตัวธราเทพ แต่ญาณีไม่เห็นด้วย "เดือดร้อนแค่นี้ยังน้อย
ไปหรือมาณสิงห์ ตอนนี้พวกมันจับตาดูเราอยู่ทุกฝีก้าว"

สันธิพอจะมองออกว่าญาณีมีแผน บางอย่าง จึงให้ญาณีพูดมา ญาณีบอกว่าตนเคย
ได้ยินนางข้าหลวงพูดกันว่า พวกดรัณย์ยังสอนดนตรีองค์ธราเทพอยู่...
จากนั้นไม่นานญาณีก็วางแผนให้ส้ม เสี้ยวไปตีซี้ดรัณย์ ซึ่งญาณีสังเกตมาตลอด
ว่าดรัณย์มีใจกับส้มเสี้ยว ครั้นส้มเสี้ยวไปออดอ้อนและยอมให้ ดรัณย์กอดนิดกอดหน่อย
ดรัณย์ก็ใจอ่อนยวบรับปากคืนนี้จะช่วยให้ศิศิราได้พบธราเทพ

รักเร่แอบ เห็นภาพสวีตวี้ดวิ้วระหว่างส้มเสี้ยวกับดรัณย์ แล้วตามมาตอแยหาเรื่องส้มเสี้ยว
เพราะมีจุดประสงค์จะแอบจิ๊กสิ่งของในตัวส้มเสี้ยวเพื่อเอาไปให้กัญญาภัค
ขณะสองคนทุ่มเถียงจนกลายเป็นฟ้อนเล็บใส่กัน รักเร่ก็รูดกำไลข้อมือส้มเสี้ยว
ไปอย่างรวดเร็วโดยที่ส้มเสี้ยวไม่รู้ตัว แล้วมารู้อีกทีว่ากำไลหายไปก็ตอนไปพบ
ญาณีกับศิศิรา แต่ก็ไม่มั่นใจว่ามันหายไปตอนไหน ญาณีเลยรับปากว่าเดี๋ยว
จะซื้อกำไลให้ ส้มเสี้ยวใหม่

ในคืนนี้เองกัญญาภัคซึ่งอยากจะเห็นนางโลมตบหน้าเจ้า หญิง ก็ให้รักเร่ปลอมตัว
พรางใบหน้าเข้าไปในหอคณิกา แล้วแอบวางเพลิงก่อนจะวิ่งหนีออกมา
โดยทิ้งกำไลของรักเร่ ไว้ให้ดูต่างหน้า...

ส่วนที่สวนดอกไม้ซึ่งเป็นสถานที่ที่ดรัณย์นัด ส้มเสี้ยวเอาไว้...ส้มเสี้ยวกับ
ญาณีพาศิศิรามารอธราเทพ แต่แล้วทีฑายุกลับก้าวเดินออกมาประชิดตัวศิศิรา
อย่างไม่คาดคิด ส่วนส้มเสี้ยวกับญาณีที่คอยดูต้นทางก็ถูกพวกดรัณย์รวบตัวไป
อีกด้าน

"มาคนเดียว มาณสิงห์สุดที่รักหายไปไหนซะล่ะ" ทีฑายุถามกวนๆ

"ดีแล้วที่มาณสิงห์ไม่ต้องมาติดกับคนชั่ว" ศิศิรายอกย้อนอย่างเจ็บใจ

"ยังหาเรื่องเดือดร้อนไม่พอใช่มั้ยศิศิรา รู้หรือเปล่าว่ากำลังเล่นกับไฟ"

"ยังไงเราก็มีมาณสิงห์เป็นน้ำใสไว้ดับไฟชั่วช้า ที่กำลังลุกไหม้บัลลังก์ของน้องธราเทพ"

"น้ำใส...แต่น้อยนิดเท่าหยิบมือ ยังไงก็ต้องแพ้ไฟแห่งอำนาจ หรือไม่ก็
ไฟเสน่หาที่เจ้าหญิงเคยมีใจให้ทีฑายุ"

ทีฑายุโกรธจี๊ดกระชากศิศิราปะทะอก ศิศิราพยายามผลักไสแล
ะตบหน้าทีฑายุสุดแรง

"อย่า คิดว่าเราไล่เธอออกจากวังไม่ได้ แล้วเธอจะมีอำนาจบงการที่นี่
คนชั่วเจ้าเล่ห์อย่างเธอไม่มีความดีหลงเหลืออยู่ในใจเราอีกแล้ว"
ศิศิราเชิดหน้าท้าทายความโกรธที่ลุกโชนในดวงตาทีฑายุ...

ทางด้านส้ม เสี้ยวกับญาณีที่โดนพวกดรัณย์ลากไปอย่างไม่ปราณีปราศรัย
ส้มเสี้ยวกัดมือดรัณย์จมเขี้ยว ขณะที่ประสันต์ ก็หวาดๆฤทธิ์เดชของญาณี
ยอมปล่อยมือออกจากเธอ

"ไอ้ดรัณย์ ไหนแกว่าจะช่วย" ส้มเสี้ยวชี้หน้าเอาเรื่อง

"คิดว่าฉันจะหลงปลื้มไปกับกอดปลอมๆของแกจนกล้าทรยศเพื่อนเหรอ"
ดรัณย์โต้ด้วยรอยยิ้มกวนโอ๊ย

"ลงทุนมากกว่ากอดหน่อยสิส้มเสี้ยว ถ้าถึงกับจูบลูบคลำล่ะก็ไม่แน่"
มาลข่านพูดกระลิ้มกระเหลี่ย

"ไอ้ทุเรศ ไอ้ลามก ไอ้จกเปรต จำไว้เลยไอ้ดรัณย์ ชาตินี้แกกับฉันไม่มีวันเผาผี"

"คนอย่างพวกแกไม่น่าเกิดมาให้หนักแผ่นดิน" ญาณีเดือดดาล

"แต่ เท่าที่เห็นคนดีชิงตายก่อนพวกหนักแผ่นดินทุกที" ประสันต์พูดจบ
ก็หัวเราะร่าไปกับเพื่อนทั้งสอง ญาณีกับส้มเสี้ยวเห็นแล้วอยากจะกระโดด
หักคอพวกมันให้รู้แล้วรู้รอด...

ooooooo

ตอนที่ 11

จตา รีเดินหน้าทมึงถึงเข้ามาในวังแต่เช้า เจอทหารทำท่าจะกางกั้น พอจตารีอ้าง
ชื่อทีฑายุทหารก็กลัวหัวหดถอยฉากไปทันที แต่คนที่ไม่กลัวจตารีคือกัญญาภัค
กับรักเร่แล้วทั้งคู่ก็รู้ด้วยว่าจตารีมาหา ทีฑายุด้วยเรื่องอะไร แต่ยังทำไก๋แกล้งถาม
จตารีจึงยื่นกำไลให้ดู เธออยากรู้ว่าเป็นของคนในวังหรือเปล่า

"รักเร่จ๊ะ จำได้หรือเปล่าว่ากำไลอันนี้ของใคร"

รักเร่ ยื่นหน้ามามอง ทำเป็นนิ่วหน้าคิดสักครู่ก่อนเฉลยอย่างมั่นใจ...หลังจากนั้น
สองคนก็นำพาจตา รีไปยังห้องปักไหมที่ศิศิราอยู่พร้อมหน้ากับญาณีและส้มเสี้ยว
จตารีไม่พูดพล่ามทำเพลง พุ่งเข้าตบหน้าส้มเสี้ยวทันทีที่รักเร่ชี้ตัวเจ้าของกำไล
ศิศิราพยายามห้ามก็ไม่ฟัง แถมจตารียังเหวี่ยงแขนโดนศิศิราจนล้มลง
ญาณีเป็นเดือดเป็นแค้นโผนเข้าบีบคอจตารี เป็นจังหวะที่ทีฑายุโผล่เข้ามา
กัญญาภัคเห็นก่อนใครแสร้งทำเสียงตกใจ บอกทีฑายุว่าเธอห้ามแล้วแต่ไม่มีใครฟังเลย

ทีฑายุเข้ามาแยกจตารีออกมา ขณะที่ญาณีกับส้มเสี้ยวรีบไปประคองศิศิราลุกขึ้น

"มีอะไรจตารี...ถึงต้องลงไม้ลงมือ" ทีฑายุสอบสวน

"เมื่อคืนคนของเจ้าหญิงไปเผาที่ทำมาหากินของฉัน"

"ที่โลกีย์อย่างนั้นไม่มีใครอยากเข้าไปให้คาวมันติดเหมือนกลิ่นตัวแก"
ญาณีย้อนเจ็บแสบ

"แต่ มัน..." จตารีชี้ไปที่ส้มเสี้ยว "ไปจุดไฟเผาหอนางโลม กำไลของมันฉัน
กระชากติดมือก่อนมันจะหนี แก้ตัวมาสิว่าเจ้าหญิงไม่ได้ใช้ให้ทำ"

"จะตัดสินยังไงดีคะพี่ทีฑายุ คนนึงก็ใจรักคือเจ้าหญิง คนนึงก็ใจปองคือของบำเรอความใคร่"

"เดือดร้อนแทนเกินไปหรือเปล่า กัญญาภัค" ถูกศิศิราดักคอ กัญญาภัคถึงชะงักไปนิด

"ก็...เห็นพี่ทีฑายุอยากได้ทั้งคู่ ฉันเลยพูดตามหลักฐาน"

"เมื่อ คืนส้มเสี้ยวถูกขังอยู่ที่ห้องศิศิรา" ทีฑายุโพล่งขึ้นมา ศิศิราจึงหันไปพูด
กับจตารีว่าคำตอบชัดเจนขนาดนี้คงหายข้องใจ หรือยังจะมีหลักฐานอื่นๆอีก
พูดพลางศิศิราก็ปรายตาไปทางกัญญาภัคที่เริ่มร้อนๆหนาวๆ แต่ก็ยังอุตส่าห์
เถียงอย่างไม่ยอมแพ้

"ถ้าเป็นฉัน ฉันก็ต้องปกป้องคนของตัวเอง"

"เธอเคยเป็นคนมีเหตุผลมากกว่านี้นะ จตารี"

จตา รีหน้าเสียที่ถูกทีฑายุดุซึ่งหน้า แล้วเดินออกไปเงียบๆ ส่วนญาณีกับ
ส้มเสี้ยวก็รีบตามนังนกรู้อย่างรักเร่ออกไปเหมือนกัน ทีฑายุทอดสายตา
มองตามศิศิราที่ขยับไปอีกมุมของห้อง กัญญาภัคเห็นแล้วขุ่นเคืองใจเป็นที่สุด


0000000000

มงกุฏแสงจันทร์ 25/11/52

ตอนที่ 11 (ต่อจากวานนี้)

ขณะเดินตามกันออกมา ส้มเสี้ยวบอกญาณีว่าตนนึกได้แล้วว่า
กำไลของตนหายตอนตบตีกับรักเร่ ฉะนั้นคนที่อยู่ เบื้องหลังเรื่องนี้
ต้องเป็นกัญญาภัคแน่นอน และงานนี้ตนก็ไม่ยอมโดนตบฟรีๆด้วย
ญาณีฟังแล้วคันไม้คันมือไม่น้อย แต่คิดว่างานนี้ปล่อยให้ส้มเสี้ยว
ลงมือแทนดีกว่า

ส้มเสี้ยวตามไปเอา เรื่องรักเร่ด้วยการละเลงขี้ช้างใส่หน้าเละเทะ
ก่อนจะเอาหญ้ายัดปากจนรักเร่ดิ้นพราด จตารียืนมองอยู่แต่แรก
ได้ยินทุกคำที่ส้มเสี้ยวคาดคั้นเอาเรื่องรักเร่ จึงเข้ามาดึงรักเร่ขึ้นมา
แล้วกางเล็บข่วนหน้าจนรักเร่ร้องลั่นเลือดซิบ ส้มเสี้ยวเห็นความโหด
ของจตารีก็รีบเดินหนี ขณะที่จตารีหันขวับกลับไปทางห้องที่เพิ่งออกมา

จตารีกลับเข้ามาเผชิญ หน้ากับศิศิรา ทีฑายุ และกัญญาภัคอีกครั้ง
แต่ไม่ทันจตารีจะพูดอะไร กัญญาภัคก็ชิงด่าเธอด้วยถ้อยคำดูถูกเหยียดหยาม

"ผิวเธอคงหยาบกร้านกระด้างจนไม่รู้จักมารยาทชั้นสูง ถึงได้แบกหน้ากล้ายืนอยู่ในวังนี้อีก"

"ฉันมาพบเจ้าหญิง" จตารีจะก้าวเข้ามาใกล้ แต่ศิศิราเอ่ยเสียงต่ำแสดงความไม่พอใจ

"ทีฑายุ...บอกผู้หญิงของเธอด้วย ในวังมีอีกหลายที่ที่เขา
จะเดินอวดเรือนร่าง แต่ไม่ใช่ในห้องปักไหมของแม่เรา"

"เจ้าหญิงคงรังเกียจหญิงผู้มีอาชีพพลีกายและเรือนร่างให้ความสุขสม
กับชายไม่เลือกชั้นวรรณะ" กัญญาภัคยิ้มหยัน

"ถึง หญิงอย่างฉันจะเป็นรอยด่างที่น่ารังเกียจ แต่ฉันก็รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป.
..ฉันจะมาขอโทษเจ้าหญิงที่ล่วงเกินโดยไม่ฟัง เหตุผล แต่ส่วนคนที่ชักใย
อยู่เบื้องหลัง คงไม่ต้องให้หญิงปัญญาต่ำขายร่างกายอย่างฉันชี้หน้าหรอก
ว่ามันเป็นใคร เพราะคนแบบนี้ความชั่วมันฝังใน" จตารีจิกตาใส่กัญญาภัคก่อน
จะหันมาก้มศีรษะให้ศิศิราแล้วถอยออกไป ศิศิรายิ้มเข้าใจ แต่แกล้งถาม
กัญญาภัคว่าที่จตารีพูดหมายถึงใคร รู้หรือเปล่า

กัญญาภัคหน้าเจื่อนเมื่อหันมาเห็นแววตาดุๆของทีฑายุ พลางก็ชำเลืองมอง
ศิศิราที่เดินเชิดออกไป

"ดอกไม้กลีบช้ำอย่างจตารีไม่มีศักดิ์ศรีให้ใครเชื่อถือนะคะ หรือว่าพี่ทีฑายุ
จะเชื่อคำพูดนางบำเรอมากกว่าน้อง" กัญญาภัคพยายามแก้ตัว

"จตา รีไม่ได้อยู่ในฐานะที่เธอยัดเยียดให้เขา ขอให้ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่
จตารีจะถูกกลั่นแกล้งโดยไม่มีความผิด" ทีฑายุเอ่ยเสียงแข็งแล้วเดินหน้าตึง
ออกไปอีกคน กัญญาภัคโมโหระบายอารมณ์กับกองผ้าซะกระจุยกระจาย
และพึมพำด้วยความเจ็บแค้น

"ไม่มีครั้งสุดท้ายสำหรับผู้หญิงหน้าไหนที่มาแย่งความรักของพี่ทีฑายุ"

ศิ ศิราออกไปร้องไห้ที่ปางช้างใกล้วัง มาณสิงห์เดินมาเห็นน้ำตาศิศิรา ในใจเขา
เจ็บปวดไม่ต่างกัน และรู้ดีว่าใครที่ทำให้เจ้าหญิงของเขาทุกข์ระทมถึงเพียงนี้
มาณสิงห์หันกลับไปเอาเรื่องทีฑายุ แต่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมจึงเกิดต่อสู้กัน
โกญจนาทโผล่มาเห็น ตวาดมาณสิงห์อย่างดุดัน แต่มาณสิงห์หาได้เกรงกลัว
ชักปืนออกมาหมายฆ่าทั้งลุงทั้งหลาน

"เอาเลยมาณสิงห์ หัวใจฉันอยู่ตรงนี้" โกญจนาทแอ่นอกท้าทาย มาณสิงห์แตะไกปืน
แต่พริบตานั้นเอง สันธิเดินเข้ามาร้องห้ามมาณสิงห์ เตือนให้รู้ว่าฆ่าผู้สำเร็จราชการ
ก็เท่ากับฆ่าองค์กษัตริย์ มาณสิงห์ชะงัก มองโกญจนาทที่หัวเราะหยัน

"นี่เหรอลูกชายของแม่ทัพสันธิ กร่างถึงขนาดควงปืนจะยิงตัวแทนประมุขแห่งปัญจารัตน์
หมดสิ้นแล้วเกียรติแห่งองครักษ์ ทำตัวเลวยิ่งกว่ากุ๊ยข้างถนน"

มาณสิงห์สุดทนจะพุ่งเข้าใส่โกญจนาท สันธิรีบสกัด รวบตัวลูกชายลากออกไป

"ฉัน รู้แล้วว่าสิ่งที่แกมีไม่เท่ามาณสิงห์ คือลมหายใจเข้าออกที่มีเพื่อหญิงเดียว
แต่สำหรับการแต่งงานเพื่อความมั่นคงของฉัน แกไม่จำเป็นต้องมีหัวใจ...ทำให้
เจ้าหญิงยอมแต่งงานซะ ก่อนที่แกจะแพ้มาณสิงห์ผู้น่าสงสาร"

ทีฑายุนิ่งฟังทั้งๆที่ในใจพลุ่ง พล่านเมื่อถูกเปรียบเทียบกับมาณสิงห์...ส่วนมาณสิงห์
ถูกสันธิลากตัวไปในค่าย ทหาร แล้วต่อว่าอย่างฉุนเฉียว

"ความบ้าคลั่งของแกจะทำให้แผนกอบกู้บัลลังก์ของเจ้าหญิงพังพินาศ"

"โกญจนาทมันปลดพ่อไม่ได้"

สันธิโมโหตบหน้ามาณสิงห์ดังฉาด "มันทำแน่ มันทำได้ถึงขั้นสั่งฆ่า
ถ้าเราตาย เจ้าหญิงจะเหลือใคร"

มาณสิงห์พูดไม่ออก สันธิหันกลับไปด้วยความโมโห วิชัยที่ยืนมองอยู่แต่แรก
เอ่ยสั่งสอนมาณสิงห์

"ใช้สติกับเหตุผลซะบ้าง ทุกวินาทีต่อไปนี้ เราต้องคิดก่อนทำ เพราะคนที่
จะรับเคราะห์แทนทุกคนคือเจ้าหญิงศิศิรา"

ครั้นวิชัยคล้อยหลังไป มาณสิงห์ก็ยกเก้าอี้เหวี่ยงไปสุดมุมห้องระบายความโกรธ
ธนูเพลิงเดินเข้ามาหยุดมองนายของตนเงียบๆ

"ถ้า ฉันยังปล่อยพวกมันไว้ น้ำตาเจ้าหญิงจะไม่หยุดไหล ชีวิตเจ้าหญิงจะถูกย่ำยี
อย่างหยาบช้า ทารุณ ฉันยอมไม่ได้... ธนูเพลิง ฉันยอมให้ทีฑายุมันข่มเหงเจ้าหญิงไม่ได้อีกแล้ว"

แววตามาณสิงห์วาบขึ้นด้วยแผนการณ์ที่มาจากความเจ็บแค้นเต็มหัวใจ

ooooooo

ตก กลางคืน ทีฑายุเข้ามาเย้ยศิศิราถึงในห้องนอน ด้วยเรื่องมาณสิงห์องค์รักษ์ผู้ภักดี
สงสัยคราวนี้จะไม่รอด โทษประหาร ศิศิราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอตอนนี้ห่วงเรื่อง
ที่โกญจนาทจะสั่งปลดแม่ทัพสันธิมากกว่า จึงต่อรองทีฑายุว่า ถ้าเขายับยั้งการปลด
แม่ทัพสันธิได้ เขาจะพาจตารีเข้ามาในวังได้ทุกเวลา

"ไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยน เพราะอะไรที่เป็นความพอใจของผม เจ้าหญิงไม่มีสิทธิ์หึง หวง ห้าม"

"หัดมีความเกรงใจกันบ้าง"

"ใน ฐานะอะไร สามีภรรยาหรือเปล่า" ทีฑายุรุกคืบเข้าหา ศิศิราจะถอยหนี
แต่ทีฑายุรวบตัวเธออย่างรวดเร็ว "เจ้าหญิงน่าจะขอบใจมากกว่า ที่ผมอุตส่าห์พา
จตารีมาสอนเสน่ห์มัดใจสามีก่อนวันวิวาห์ ถามจตารีสิว่าผมชอบให้เอาใจแบบไหน"

ศิศิราสะบัดสุดแรง วิ่งไปคว้ามีดที่ซ่อนใต้หมอนออกมาแทงทีฑายุ แต่ทีฑายุตาไว
คว้าหมอนอิงมาบังทันท่วงที แล้วปัดจนมีดหล่นกระเด็น

"เราไม่เคยคิดจะทนอยู่กับเธอสักนาทีเดียว" ศิศิราประกาศกร้าว

"หัด ทนซะ เพราะเรากำลังจะต้องอยู่ด้วยกันทุกวินาที สองต่อสอง แบบไร้องครักษ์
มาเกะกะกวนสายตากวนอารมณ์" ทีฑายุยิ้มเยาะมุมปาก ศิศิรามองตอบโต้ด้วยความเกลียดชัง

ทางด้านมาณสิงห์ เขากำลังสั่งการบางอย่างแก่ธนูเพลิง... สิ่งเดียวที่มาณสิงห์ต้องการ
คือความตายของพวกโกญจนาททุกคน!

ooooooo

เช้ารุ่งขึ้น กัญญาภัคแอบฟังแม่ทักท้วงโกญจนาท เรื่องจะปลดแม่ทัพสันธิ
เพราะสินาตีเกรงว่าพวกลูกน้องสันธิจะคิดจับอาวุธเป็นกบฏขึ้นมา

"ขืนมัวแต่กลัวเรื่องขี้ผงใต้เท้าเหมือนเธอ ฉันคงไม่มีวันได้ก้าวขึ้นไปยืนบนบัลลังก์แสงจันทร์"

"แต่ เราก็แค่ได้ยืนตรงนั้นโดยยังไม่มีการสถาปนา ยังไม่มีการประกาศให้คนทั้ง
แผ่นดินรู้ว่าเราคือกษัตริย์และราชินีแห่ง ราชวงศ์ใหม่ ไหนล่ะคะ แผนกลืนสายเลือด
ที่ท่านหวังใช้งานทีฑายุหลานชายคนโปรด"

"ทีฑายุกำลังจะแต่งงานกับศิศิรา"

"เมื่อ ไหร่ รอนานเหลือเกินนะคะ กะแค่บังคับเจ้าหญิงคนนึงให้ยอมเป็นเมีย
หรือว่าฉันต้องรอเก้อ ที่จะได้เป็นราชินีเคียงคู่กษัตริย์โกญจนาท"

โกญจนาทขุ่นใจแต่ไม่อยากต่อปากต่อคำ เดินออกไป กัญญาภัคก้าวออกมาจากอีกมุม
ตรงเข้ามาหาสินาตี

"มองไม่ออกเลยเหรอแม่ ว่าโกญจนาทมันหลอกให้เราฝันไปวันๆ ทั้งๆที่มันเตรียม
การจะเป็นใหญ่ผ่านการแต่งงานของพี่ทีฑายุกับศิศิรา"

"เขาจะไม่หักหลังฉัน"

"งั้นก็เชิญแม่อยู่กับความฝันลมๆแล้งๆต่อไป" กัญญาภัคจะผละไป สินาตีรั้งแขนลูกสาวไว้

"ฉันได้ข่าวว่าแกกับไมยาดินแอบคุยกันบ่อยๆ"

"ทำไมล่ะคะ มีผู้ชายคนไหนบ้างที่ไม่อยากคุยกับกัญญา"

"ไมยาดินน่ะ มันแค่ทหารลูกน้องพ่อ"

"นั่น ไง ลูกน้องมีหน้าที่รับใช้ แล้วกัญญาก็มั่นใจว่า เลือกใช้คนไม่ผิด"
กัญญาภัคทิ้งทายยิ้มๆ สินาตีมองตามลูกสาว ด้วยความสงสัย แล้วกัญญาภัค
ก็ไปหยอดความหวังให้ไมยาดินคิดฝันใหญ่โต ถ้าเธอเป็นโกญจนาท หลังปลด
แม่ทัพสันธิวันนี้แล้ว เธอจะไม่มีรอสักนิดที่จะแต่งตั้งไมยาดินให้ขึ้นมาเป็นแม่ทัพคู่ใจ...

เพราะ รู้ว่าวันนี้โกญจนาทจะสั่งปลดสันธิแล้วแต่งตั้งแม่ทัพคนใหม่ ศิศิราวุ่นวาย
ใจอย่างยิ่ง ต่างจากมาณสิงห์ที่ดูนิ่ง สงบมาก แถมยังบอกให้ศิศิราวางใจ
วันนี้จะไม่ใช่วันที่พวกมันยิ้มแย้ม

"มาณสิงห์...คิดอะไรอยู่"

"มิบังควรที่น้ำตาของเจ้าหญิงจะตกต้องลงอาบแก้มอีก มิบังควรที่เจ้าหญิง
จะต้องทุกข์ทนเพราะจิตใจที่งดงาม"

"เราอยากให้มาณสิงห์ห่วงตัวเองบ้าง"

"สำหรับ กระหม่อม ศิศิราจะเป็นชื่อเดียวที่ต้องทะนุ ถนอมให้ยิ่งกว่าชีวิต
จะเป็นชื่อเดียวที่อยู่ในหัวใจมาณสิงห์ตราบ สิ้นลมหายใจ กระหม่อมขอ
เป็นคนรักษาน้ำค้างหยดนี้ให้ บริสุทธิ์...เสมอไป"

ขณะ เดียวกันนั้น ธนูเพลิงปลอมตัวเป็นชาวบ้านแบกกล่องเครื่องดนตรีเข้ามาในวัง
บอกกับทหารยามว่าเขาเอาเชลโลมาส่งคุณทีฑายุ รักเร่เดินมาเห็นธนูเพลิง
มองพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก็จำได้ว่าธนูเพลิงคือลูกน้องของมาณสิงห์...รักเร่
วิ่งตามธนูเพลิงไปเร็วจี๋ ธนูเพลิงเลยต้องจับรักเร่ไปขังในห้องหนึ่ง ก่อนรักเร่
จะโวยวายจนเสียแผน

จากนั้นธนูเพลิงรีบแบกกล่องเข้าไปใน ห้องดนตรีซึ่งมาณสิงห์รออยู่..
.รอจะให้รางวัลไอ้เสี้ยนหนามแผ่นดินที่คิดจะ อยู่เหนือบัลลังก์ ด้วยระเบิดที่
บรรจุอยู่ในกล่องที่สั่งให้ธนูเพลิงจัดหามา

"นาย ครับ ระเบิดขนาดนี้ นายจะเอาเข้าไปในท้องพระโรง ได้ยังไง"
ธนูเพลิงถามด้วยสีหน้าหนักใจ มาณสิงห์ไม่ตอบ แต่แววตามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว...

ooooooo

ตอนที่ 12

ภาย ในท้องพระโรง โกญจนาทกำลังรอเวลาที่ทุกคนมาพร้อมหน้าเพื่อ
จะสั่งปลดแม่ทัพสันธิ แล้วแต่งตั้งแม่ทัพคนใหม่ในคราวเดียวกัน
แต่เพียงแค่ โกญจนาทเปิดฉาก วิชัยก็คัดค้านสุดตัว...ขณะเดียวกัน
ทีฑายุกับเพื่อนทั้งสามคนกำลังจะพาธราเทพมายังท้องพระโรง
แต่หลอกธราเทพว่าจะพาไปพบศิศิรา

ส่วนมาณสิงห์กับธนูเพลิงที่เตรียม การสังหารหมู่ ให้หมดสิ้น มาณสิงห์ถึง
ขนาดยอมพลีชีพ เอาระเบิดมัดติดไว้กับตัวภายในเสื้อที่สวมใส่ โดยไม่ลืม
กำชับศิศิรา ห้ามเข้าไปในท้องพระโรงเด็ดขาด แต่แผนของมาณสิงห์ทำท่า
จะมีอุปสรรคเสียแล้ว เมื่อประสันต์เห็นธนูเพลิงวิ่งลับๆล่อๆมุมหนึ่งในวัง
แล้วตามไปรวบตัวธนูเพลิงมาคาดคั้นต่อหน้าทีฑายุว่า มาณสิงห์ กำลังจะทำ
อะไรให้เจ้าหญิง

ขณะ เดียวกัน กัญญาภัคตามหารักเร่ไม่พบ กระทั่งเดินมาเจอไมยาดินที่กำลัง
จะไปท้องพระโรง กัญญาภัคจึงวานไมยาดินช่วยตามหารักเร่ แต่ไมยาดินกำลังรีบ
จึงเรียกทหารมาช่วยแทน ครู่ต่อมาทหารก็ค้นหาไปจนพบรักเร่ที่ถูกมัดไว้ในห้องหนึ่ง
พอรู้จากรักเร่ว่าธนูเพลิงแบกกล่องเชลโลเข้ามาในวัง กัญญาภัครีบมุ่งหน้า
ไปห้องดนตรี แล้วไปเห็นเศษสายไฟ กัญญาภัคหยิบมัน
ขึ้นมาพิจารณา อึดใจเดียวเธอก็ครางออกมา

"ระเบิด ...มาณสิงห์จะใช้ระเบิด" กัญญาภัคจะวิ่งออกไป แต่แล้วหยุดชะงักอย่างนึกได้
"ถึงเวลาตายของแกแล้วโกญจนาท ฉันจะถือว่าไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้ แล้วก็รอดูตอน
ซากศพแกกองเกลื่อนหน้าบัลลังก์ ตายไปพร้อมๆกับไอ้คนดีอย่างมาณสิงห์"

กัญญาภัคยิ้มมีความสุข เดินเข้าไปในห้องหนึ่ง หยิบรูปโกญจนาทที่ผนังเหวี่ยงลงพื้น
แล้วตามกระทืบซ้ำอย่างสะใจ

"หมดเวลาของแกแล้ว ไอ้พ่อเลี้ยงเจ้าเล่ห์ บัลลังก์ แสงจันทร์ต้องเป็นของฉันกับพี่ทีฑายุ"

จังหวะ นี้เอง ไมยาดินนำทหารเดินสำรวจความเรียบร้อย ก่อนถึงท้องพระโรง
ไมยาดินมองเข้าไปเห็นกัญญาภัคในห้อง จึงตรงดิ่งเข้าไปทัก กัญญาภัคตกใจชักเท้าออกทันที
รีบก้มลงหยิบรูปขึ้นมา

"เธอเหยียบรูปท่านโกญจนาททำไม"

"ลื่น... ยั้งไม่อยู่ เมื่อกี๊ญาณีเข้ามาฟาดหัวฟาดหางจนรูปท่านโกญจนาทหล่นลงมา
เราทนไม่ได้ ทนไม่ได้จริงๆที่เกียรติ ของท่านจะถูกน้ำมือนางข้าหลวงกระชากลงมาให้ต่ำติดพื้น"

ไมยาดิน เชื่อสนิท เข้ามาช่วยหยิบรูปนั้นไปตั้งไว้บนเก้าอี้ กัญญาภัคลอบผ่อนลมหายใจ
แต่แล้วสะดุ้งวาบในใจ เมื่อไมยาดินหันมาบอกให้รีบไปที่ท้องพระโรงด้วยกัน
กัญญาภัคอึกอักเพราะนึกถึงระเบิด

"ไปท้องพระโรง...ไม่ดีกว่า เราไม่มีหน้าที่ตรงนั้น"

"ต้องไป กำลังจะมีเหตุการณ์สำคัญ ที่ชี้ชะตาว่าใครจะ อยู่ ใครจะไป"

กัญญา ภัคฝืนยิ้มฝืดๆ เพื่อไม่ให้ไมยาดินสงสัย ก่อนจำใจก้าวเดินตามเขา
ไปอย่างเชื่องช้า พอไมยาดินหันมาเร่ง กัญญา ภัคจึงแกล้งเหยียบชาย
กระโปรงล้มลง แล้วอ้างว่าข้อเท้าแพลง คงเดินไปถึงท้องพระโรงไม่ไหว

"ไปเอาเก้าอี้มาแบกคุณกัญญาภัค...เร็ว" ไมยาดินสั่งทหาร กัญญาภัคสวน
ทันทีว่าไม่ต้อง แล้วก้มหน้าซ่อนความ เครียด ใจระทึกคิดหาทางเลี่ยงการไปท้องพระโรง...

เวลานั้น ทีฑายุกับดรัณย์ตามรวบตัวมาณสิงห์ได้แล้ว ทีฑายุตกใจสุดๆ
เมื่อพบว่ามีระเบิดติดอยู่กับลำตัวมาณสิงห์

"คิดจะสละชีวิตเพื่อบัลลังก์ เมื่อไหร่แกจะฉลาดขึ้นมาบ้าง"

"ฉันยอมเป็นคนโง่ที่สุด ดีกว่าฉลาดแกมโกงอย่างพวกกบฏอัปรีย์"

ที ฑายุศอกเข้าปลายคางมาณสิงห์ ศิศิราวิ่งผ่านมาเห็นมาณสิงห์ถูกทำร้าย
เธอร้องเรียกมาณสิงห์ด้วยความเป็นห่วง แต่แล้วผงะตกใจ เมื่อเข้ามาใกล้
เห็นระเบิดติดกับตัวมาณสิงห์

"เลือกมาศิศิรา จะให้คนรักตายแบบไหน" ทีฑายุล็อกคอมาณสิงห์เงยขึ้นอย่างแรง
"เจ้าหญิงต้องเลือก...เดี๋ยวนี้"

"ปล่อยเขา...ทีฑายุ"

"ปล่อยให้มันเข้าไประเบิดทุกคนในห้อง แม้กระทั่งเจ้าชายธราเทพให้เป็นศพด้วยใช่มั้ย"

ศิ ศิราหันไปอีกทาง เห็นประสันต์กับมาลข่านพาธราเทพกับบัวบุศเข้ามา
ศิศิราขยับจะไปหาน้อง แต่ถูกทีฑายุกระชากไว้ มาณสิงห์จะลุกไปช่วยศิศิร
ดรัณย์เลยประเคนหมัดเข้าหน้าจนหงายไปอีก พี่เลี้ยงบัวบุศตกใจกอด
เจ้าชายธราเทพไว้อย่างปกป้อง

ดรัณย์ล็อกมาณสิงห์จนดิ้นไม่หลุด ขณะที่ทีฑายุกระชากข้อมือศิศิรา
แล้วสั่งเฉียบ

"อย่าคิดจะอ้อนวอนอะไรอีก เข้าไปในห้อง แล้วบอกกับทุกคนว่าเราจะแต่งงานกัน"

"อย่าฟังมัน เจ้าหญิง" มาณสิงห์พยายามสะบัด แต่ ดรัณย์ไม่ปล่อยหลุดมือ
ทั้งเตะศอกอัดเข้าไปอีกหลายที

"หรือ อยากให้มันเข้าไปรับผิดต่อหน้าลุงโกญจนาทในสภาพนี้ เลือกมาศิศิรา
จะให้มาณสิงห์ถูกยิงเป้าทั้งๆที่มีระเบิด ติดตัว หรือจะแต่งงานกับเรา"

ศิศิราน้ำตาร่วงพรู มองมาณสิงห์อย่างลังเล

"ขอให้ผมตายอย่างมีเกียรติ ที่ได้ใช้ลมหายใจเพื่อเจ้าหญิงเถอะครับ"
มาณสิงห์เปล่งวาจา แววตาวิงวอน ไม่กลัวตาย...

0000000000000000000


มงกุฎแสงจันทร์ 26/11/52

ตอนที่ 12 (ต่อจากวานนี้)

ในที่สุด ศิศิราก็เลือกที่จะรักษาชีวิตมาณสิงห์ไว้ โดยยอมให้ทีฑายุ
ลากเธอไปยังท้องพระโรง แต่พอทีฑายุให้เธอพูดต่อหน้าพวกโกญจนาท
ว่าเธอยอมแต่งงานกับเขา ศิศิรา กลับปฏิเสธอย่างรับไม่ได้ ทีฑายุ
จึงกระซิบขู่ว่า ถ้าไม่แต่ง ธราเทพกับมาณสิงห์ก็ต้องตาย

ศิศิรานิ่งเงียบ ยืนน้ำตานองหน้า สินาตีเห็นแล้วรำคาญ

"ตกลงจะแต่งหรือจะมายืนร่ำไรบีบน้ำตาขอความเวทนา สงสาร"

"เจ้าหญิงคงอายน่ะครับ ลุงช่วยประกาศให้ผมกับ

ศิศิราเป็นผัวเมียถูกต้องตามประเพณีหน่อยสิครับ"

โกญจนาทยิ้มแย้ม นั่งเชิดบนบัลลังก์ กวาดตามองทุกคน ก่อนประกาศ

"ในฐานะที่เรานั่งอยู่บนบัลลังก์นี้ ที่สูงสุดเหนือทุกคน ในแผ่นดิน
เราขอประกาศว่าเจ้าหญิงศิศิรา..."

"แก ประกาศไม่ได้ ผิดกฎมณเฑียรบาล" วิชัยขัดขึ้น รามปุระสวนทันควันว่า
คนอื่นอย่าสอด...สันธิจึงช่วยวิชัย อีกแรง เตือนเจ้าหญิงอย่าทรงยอมมัน

"บอกทหารแก่พวกนั้นหน่อยสิที่รัก ว่าใครกันแน่ที่อยากให้
ร่วมเรียงนอนเคียงบนเตียงเดียวกัน"

ศิศิราถูกทีฑายุโอบไหล่คล้ายข่มขู่ เธออึกอักพูดไม่ออก โกญจนาทจึงรวบรัด

"ไม่ ขัดขืน ก็แสดงว่ายินยอมพร้อมทั้งกายและใจ เราขอประกาศว่า
เจ้าหญิงศิศิรากับหลานชายคนเดียวของเรา ทีฑายุ... เหมาะสมอย่างยิ่ง
ที่จะได้เป็นคู่ครองกำเนิดสายเลือดใหม่เพื่อความยั่งยืน มั่นคงแห่งบัลลังก์แสงจันทร์"

กัญญาภัคซึ่งถูกไมยาดินบังคับให้ก้าว เข้ามาในท้อง พระโรง
ตกใจที่เหตุการณ์เปลี่ยนเป็นอีกอย่าง เธอพึมพำกับตัวเองว่า มาณสิงห์อยู่ไหน แล้วระเบิดล่ะ?

เวลานั้นมา ณสิงห์กับธนูเพลิงถูกพวกประสันต์ควบคุมตัวไปยังสนามหลังวัง
ทั้งคู่ถูกซ้อมแทบกระอักเลือด โดยเฉพาะมาณสิงห์นั้นสติใกล้ดับวูบลงเต็มที...

ทีฑายุโอบศิศิราแนบ ชิดโชว์ทุกคนในท้องพระโรง กัญญาภัคจ้องแทบจะ
กินเลือดกินเนื้อศิศิรา ยิ่งได้ยินโกญจนาทประกาศก้องขอให้ทุกคน
แสดงความยินดีกับทีฑายุพระสวามีของ เจ้าหญิงศิศิรา และนับตั้งแต่บัดนี้
ทีฑายุหลานชายของตน ก็มีศักดิ์เทียบเท่าเชื้อพระวงศ์คนหนึ่ง...
กัญญาภัคแทบจะร้องกรี๊ด

"ทรง พระเจริญ รักกันนาน มีลูกเต็มบ้าน มีหลานครองเมือง"
ทาอูอวยพรเสียงดังฟังชัด คนอื่นๆพลอยปรบมือสนับสนุน ทีฑายุแย้มยิ้มโอบศิศิราหมุนไปรอบๆ

"งานฉลองแต่งงานที่จะประกาศความรักความผูกพันอันลึกซึ้งของเราจะจัดให้มีขึ้นเร็วที่สุด"

สิ้น เสียงของทีฑายุ กัญญาภัคอารมณ์พลุ่งพล่านทะลักออกทางสายตาเคียดแค้น
หันหลังก้าวออกไปทันที ไม่มีท่าทีของคนเจ็บข้อเท้า...ไมยาดินหันมองสงสัย

"ยิ้ม หน่อยสิเจ้าหญิงที่รัก ยิ้มให้สมกับความรักของเรา ที่แสนดื่มด่ำท่ามกลาง
คราบเลือดและน้ำตา ถึงเวลาแล้วที่ ศิศิรา...หยดน้ำค้างแห่งฟากฟ้าจะถูก
ลิ้มรสโดยจิ้งหรีดน้อยๆเช่นเรา" ทีฑายุกระซิบข้างหูศิศิราที่ยืนนิ่งเป็นหุ่น
สายตาเธอทดท้อ หมดแรงต่อต้าน...

ooooooo

กัญญาภัคหน้าตาเต็มไปด้วยความคั่ง แค้น อาละวาดฟาดรักเร่จนเซถลา
เพียงเพราะรักเร่อยากรู้ ว่าทีฑายุกำลังจะได้เป็นพระสวามีเจ้าหญิงศิศิรา
จริงหรือเปล่า...แล้วกัญญา ภัคก็มุ่งหน้าไปห้องปักไหม กระชากผ้าและ
อุปกรณ์ตัดเย็บเหวี่ยงกระจายเกลื่อนพื้น สินาตีตามเข้ามาเห็น
เธอขึ้นเสียงเตือนสติลูกสาว

"ต่อให้แกคลุ้มคลั่งเผาทั้งวังนี้ ทีฑายุมันก็ต้องแต่งงานกับศิศิรา"

"เพื่อเป็นเครื่องสังเวย สนองกิเลสมักใหญ่ใฝ่สูงของไอ้โกญจนาท"

สินาตีปรี่เข้ามาบีบต้นแขนลูกสาวแล้วสำทับ "ถ้าไม่อยากตาย
อย่าให้คำพูดพล่อยๆหลุดออกมาจากปากแกอีก"

"แทนที่จะห้าม แม่ควรจะจดจำทุกคำพูดของกัญญาไว้
เราสองคนเป็นได้แค่ม้ารับใช้ของมัน"

"ฉันสั่งให้แกหยุดคิด หยุดพูด"

กัญญา ภัคสะบัดแรง สินาตีถึงกับเซ "กัญญาพูดเพราะสงสารคนที่
ยังหูหนวกตาบอด หลงบูชาสามีอย่างแม่ มันวางแผน ให้ทุกคนสละชีวิตเพื่อมัน
ขนาดยกพี่ทีฑายุของกัญญาให้ ศิศิรา ทั้งๆที่คนอย่างศิศิรามันไม่สมควร
จะเหลืออะไรอีกแล้ว แล้วถ้ากัญญาต้องสละแม้กระทั่งหัวใจ คนอื่นมัน
ก็จะต้องเสวยสุขบนคราบน้ำตา"

กัญญาภัคปัดเครื่องประดับและตุ๊กตากระเบื้องรูปนางฟ้า
บนโต๊ะตกแตกลงพื้น สินาตีมองอย่างหวั่นใจกับความร้ายกาจของลูก...

ที ฑายุลากศิศิรากลับเข้าห้องนอน แล้วสั่งทหารปิดประตู
ห้ามให้ใครรบกวน ศิศิราไม่รอช้า วิ่งไปหยิบแจกันเป็นอาวุธ
แต่ทีฑายุเข้ามาแย่งมันโยนทิ้งไปนอกหน้าต่าง แล้วข่มขู่ด้วย
ถ้อยคำหยาบคาย แสดงตัวเป็นสามีที่จะทำอะไรกับเธอก็ได้
ซึ่งคืนนี้เขาจะอยู่กับเธอที่นี่ทั้งคืน

ด้านนอก ญาณีกับส้มเสี้ยวพยายามจะฝ่าด่านทหารเข้ามาช่วยศิศิราให้ได้
ระหว่างนี้เอง สินาตีผ่านมาเห็น จึงตำหนิสองสาวใช้ของศิศิราเป็นการใหญ่
แต่สองสาวก็ย้อน ไม่เกรงกลัว แถมยังจะผลักสินาตีให้พ้นทาง
ทันใดนั้นกัญญาภัคโผล่เข้ามาอีกคน คำรามใส่สองสาวอย่างดุดันน่ากลัว
จะเอาถึงตาย ถ้าใครแตะต้องตัวแม่ของเธอ

ส่วนในห้อง ศิศิราถูกทีฑายุจับมัดมือและเท้าตรึงไว้ กับเตียงราวนักโทษก็ไม่ปาน
ศิศิราพร่ำด่าทั้งเขาทั้งลุง แต่ ทีฑายุก็มิได้สะทกสะท้าน...ข้างฝ่ายกัญญาภัคที่
ยังอยู่หน้าห้อง หลังออกฤทธิ์เดชจัดการกับญาณีและส้มเสี้ยวจนสยบอยู่แทบเท้า
แล้วสั่งทหารเอาตัวไป กัญญาภัคก็พยายามจะเปิดประตูห้อง แต่ปรากฏว่า
มันล็อกแน่นหนา กระชากเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล ได้ แต่ร่ำร้องในอก
ด้วยความร้าวรานกับความจริงที่ทีฑายุอยู่ในห้องกับศิศิราในฐานะสามีภรรยา...

ooooooo

เช้าแล้ว ศิศิรายังอยู่ในสภาพถูกมัดมือและเท้า ทีฑายุนั่งมองสีหน้าสะใจ

"อยากให้มาณสิงห์ได้เห็นภาพเจ้าหญิงสุดที่รักจริงๆ"

"เกลียดชังอะไรเรานักหนา ถึงต้องทรมานกันอย่างนี้ หรือว่าเราต้องชดใช้ด้วยชีวิต
...เหมือนที่พวกเธอฆ่าพ่อแม่เรา"

ทีฑายุลุกพรวดขึ้นยืนมอง ปัดเก้าอี้ล้มโครมคราม

"ลุง เธอฆ่าพ่อกับแม่เรา ส่วนเธอหลอกใช้ความไว้ใจ...
ทุกอย่างที่เธอทำกับเราลงไปก็เพราะมงกุฎแสงจันทร์ใช่มั้ยทีฑายุ
ตอบเราสิ" ศิศิราสะอื้นแรง เจ็บช้ำ

"หยุดคร่ำครวญ หนวกหู"

"อยากฆ่าเราก็เชิญเลย อย่าให้เราต้องอยู่อย่างอับอาย"

"อย่าคิดว่าความตายจะแก้ปัญหาได้ ความทรมานจากฉันต่างหากที่เธอต้องได้รับ"

ศิศิราเบือนหน้าหนี สะอื้นกับหมอน ทีฑายุเห็นแล้วเงียบงัน รู้สึกสงสารและเห็นใจ
แต่ไม่อาจเปิดเผยออกมา...

ทาง ด้านกัญญาภัคที่เมื่อคืนแทบกระอักเพราะความแค้น ที่แน่นอก
เช้านี้เธอมุ่งหน้าไปหานารียาแม่ของทีฑายุที่บ้าน แล้วเกรี้ยวกราดอาละวาด
ใส่นารียาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ก่อนจะ บังคับให้เข้าวังด้วยกัน ไปสั่งให้ทีฑายุ
ยกเลิกการแต่งงานกับ เจ้าหญิงศิศิรา

เมื่อเข้ามาเห็นสภาพศิศิราถูกทีฑายุจับมัดไว้กับ เตียง นารียาตกใจ
ตำหนิทีฑายุรู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป ทีฑายุ เองก็ตกใจที่จู่ๆแม่พรวดพราดเข้ามา ตอบแม่ไม่เต็มเสียงว่า

"ผมแค่ล้อเล่น"

นารียาตบหน้าทีฑายุอย่างแรง ศิศิราและกัญญาภัคต่างก็อึ้งตกใจ

"พระวรกายและจิตใจของเจ้าหญิงสูงส่งเกินกว่าจะเป็นของล้อเล่น
ทีฑายุ แม่มีเรื่องต้องคุยกับลูก"

ทีฑายุหน้าเครียด มองไปที่กัญญาภัคซึ่งยืนข้างหลังนารียา

"พี่ทีฑายุไปคุยกับอานารียาเถอะ ไม่ต้องห่วง กัญญาจะดูแลเจ้าหญิงให้อย่างดี"
กัญญาภัคทำเสียงอ่อน...

ครั้นแม่ลูกเดินตามกันออกไปอีกห้องหนึ่ง นารียาตัดพ้อลูกชายอย่างผิดหวัง

"บอกแม่สิว่าความเป็นสุภาพบุรุษที่พ่อกับแม่พร่ำสั่งสอนลูกมามันหายไปไหนหมด
ถึงได้กระทำกับเจ้าหญิงเหมือนพระองค์เป็นหญิงไร้เกียรติ"

"เราแต่งงานกันแล้ว"

"ลูกพอใจกับการแต่งงานที่มัดมือชก การแต่งงานที่ โกญจนาทใช้เป็นเล่ห์เหลี่ยมการเมือง"

"ลุงทำทุกอย่างเพื่อเราครับ"

"ทีฑายุ ใครสั่งใครสอนให้ลูกเห็นแก่ครอบครัวมากกว่า บ้านเมือง ถ้าพ่ออยู่
พ่อจะเสียใจที่เห็นลูกวันนี้"

"แต่พ่อก็ไม่อยู่กับเราแล้วนี่ครับ ลุงกำลังทวงคืนคนที่เอาชีวิตพ่อไป...ให้เรา"

"ถ้าลูกยังเห็นว่าแม่คือผู้ให้กำเนิด ก็หยุดทุกอย่างที่กำลังทำกับเจ้าหญิงเดี๋ยวนี้"

"ผมยัง...หยุดไม่ได้"

"วันนี้คือวันที่แม่ผิดหวังที่สุด ที่ลูกชายคนเดียวของแม่กลายเป็นคนไม่รู้จักกระทั่งผิดชอบชั่วดี"

นารี ยามองภาพครอบครัวกษัตริย์สิปปภาคที่ผนังถึงกับน้ำตาคลอ
ย่อตัวถวายความเคารพแล้วเอ่ยขึ้น "อภัยให้หม่อมฉันด้วย ที่ให้กำเนิด
สายเลือดเนรคุณแผ่นดิน"

ทีฑายุเจ็บปวดกับทุกคำพูดของแม่ ขณะที่คนเป็นแม่เจ็บปวดยิ่งกว่า
เดินจากมาทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม แล้วมาเจอโกญจนาทโดยบังเอิญ

"นารียา...ใครพาเธอมาที่นี่"

"ฉันมาหาทีฑายุ กำลังจะกลับ"

"เราจะให้ทหารไปส่ง"

"อย่ารบกวน"

"สำหรับเธอ ไม่มีเรื่องไหนเป็นการรบกวน"

"นั่น น่ะสิ จะรีบกลับไปไหนซะล่ะ นารียา" สินาตีก้าวเข้ามาแทรก
"ฉันกำลังต้องการคนปักผ้าที่สวยที่สุดไว้ ใส่อวดแขกบ้านแขกเมืองในงานของเจ้าหญิงอยู่พอดี"

"แม่ไม่ใช่คนรับใช้" ทีฑายุส่งเสียงมาก่อนตัว ทุกคน หันมองเป็นตาเดียว
"แม่มางานแต่งงานของผม ไม่ได้มาทำงาน"

"เธอจะให้ฉันปักผ้าชิ้นไหน สินาตี" นารียาเอ่ยเสียงเรียบ ทีฑายุจะท้วง
แต่ไม่ทันสินาตีที่ชิงพูดขึ้นเสียก่อน

"เอา อย่างแม่บ้างสิ ทีฑายุ แม่แกน่ะรู้คุณคน ท่านอุตส่าห์
ชุบเลี้ยงแม่ม่ายลูกติดมา 20 กว่าปี มีอะไรที่จะรับใช้ท่านได้ ก็ไม่สมควรขัดขืน"

"เอาผ้าไปให้นารียาปักที่บ้าน" โกญจนาทสั่ง

"ไม่ได้หรอกค่ะ ที่นั่นน่ะมันลับหูลับตาคน ฉันอยากเห็นคนงานอยู่ในสายตา"

โกญจนาทจ้องสินาตีอย่างไม่พอใจ สินาตีกลับยิ้มเหยียด ไม่สน
ทีฑายุจะเถียงแต่ต้องสะดุดกับสายตาปรามๆของแม่...

หลังแยกจากสองแม่ลูกมาแล้ว โกญจนาทแสดงความไม่พอใจกับสินาตี
และย้ำเตือนด้วยว่า นารียาเป็นน้องสะใภ้ของตน

"แตะต้องไม่ได้เลยเหรอคะ แม่น้องสะใภ้ม่ายคนโปรดเนี่ย"

"รู้จักระวังปากซะบ้าง"

"แล้ว ท่านล่ะคะ ต้องระวังอะไร ระวังใจ ระวังกาย อย่าเผลอไปเติม
ถ่านไฟเก่ากับอดีตหญิงที่เคยหลงรักสุดหัวอกหัวใจ แต่สุดท้าย
กลายไปเป็นเมียน้องชาย...นารียาน่ะมันแค่ ความหลัง แต่ฉันคือ
ปัจจุบันของท่าน คงไม่ต้องย้ำบ่อยๆนะคะ ท่านโกญจนาทผู้เป็นใหญ่
ว่าผู้หญิงหนึ่งเดียวที่จะได้นั่งบนบัลลังก์ต้องเป็นสินาตี"
สินาตีโต้อย่างไม่เกรง พลางจ้องตอบสายตาวาบวับของ
โกญจนาทไม่ลดละ

ขณะเดียวกัน นารียายังพยายามหว่านล้อมลูกชาย ทั้งที่ หนักใจและไม่แน่ใจว่าจะได้ผล

"ถึง โกญจนาทจะยื่นมือมาช่วยเหลือเราตั้งแต่พ่อตาย
แต่แม่ก็เลือกวิธีที่จะตอบแทนบุญคุณโดยไม่ให้ใครเดือดร้อน
หวังว่าลูกจะทบทวนเรื่องเจ้าหญิงใหม่"

ทีฑายุนิ่งเงียบ ไม่อยากตอบรับคำขอของแม่...ฝ่ายกัญญาภัคที่อยู่
ในห้องตามลำพังกับศิศิรา กัญญาภัคถือโอกาสข่มขู่ศิศิราด้วยมีดปลายแหลม
ศิศิราแม้จะกลัวแต่ก็ไม่แสดงออกมากนัก นั่นยิ่งทำให้กัญญาภัคแค้น
ใช้มีดกรีดกระดุมเสื้อทุกเม็ด ของศิศิราขาดกระเด็น แล้วบังคับให้ศิศิรา
รีบเปลี่ยนเสื้อใหม่ ก่อนจะมีใครกลับเข้ามา

ทีฑา ยุกลับมาเห็นศิศิราใส่เสื้อตัวใหม่ ยังไม่ทันจะถาม
กัญญาภัคก็ชิงออกตัวว่าเธอเพิ่งเปลี่ยนเสื้อให้เจ้าหญิง
กลัวจะเหนียวตัว "พี่ทีฑายุจะให้กัญญามัดเจ้าหญิงกลับไปเหมือนเดิม มั้ยคะ"

"ไม่ต้อง พี่ขออยู่กับเมียตามลำพัง"

กัญญา ภัคเจ็บจี๊ด แต่ฝืนยิ้มสดใส "กัญญาเข้าใจค่ะ
เวลาของข้าวใหม่ปลามัน" ว่าแล้วหันหลังก้าวเดินออกไปจากห้องพร้อม
เสื้อตัวเดิมของศิศิราในมือ แล้วเอามันไปเผาทิ้งหลังวัง ทั้งสาปแช่ง
เจ้าของเสื้อด้วยความชิงชัง ไมยาดินยืนมองกัญญาภัคจากมุมหนึ่ง
กัญญาภัครู้สึกว่ามีคนจ้องจึง
หันไป

"สงสัยว่าอาการเจ็บของเธอ คงไม่ได้อยู่ที่ขาเหมือนเมื่อวาน"

"อย่ามาสนใจเลยว่าเราจะเป็นยังไง" กัญญาภัคทำเสียงแง่งอน
เมินหน้าหลบสายตาจับผิดของไมยาดิน

"เราอยากรู้ว่า เธอคิดยังไงกับการแต่งงานของพี่ชาย"

"ก็ต้องดีใจสิ ที่เห็นความสุขของคนในครอบครัวออกเปี่ยมล้นซะขนาดนั้น"

"ใครๆก็รู้ว่ามันคือแต่งงานการเมือง"

"แล้วถ้าไมยาดินต้องถูกบังคับให้แต่งงานล่ะ"

"หัวใจ เรา...จะมอบแด่หญิงที่รักเท่านั้น" ไมยาดินส่งสายตามองกัญญาภัคลึกซึ้ง
กัญญาภัคขยับหันหลังให้ไมยาดิน แล้วแอบเบะปากอย่างรังเกียจ...

ทีฑา ยุปลดปล่อยศิศิราเป็นอิสระ แถมยังใจดีอนุญาตให้เธอไปพบธราเทพ
ในสวนดอกไม้ โดยการควบคุมดูแลของพวกประสันต์...สองพี่น้องโผเข้า
กอดกันด้วยความดีใจ ญาณีกับส้มเสี้ยวที่ติดตามศิศิรามาด้วยเห็นแล้วพลอยตื้นตัน
แต่แล้วความรู้สึกนี้กลับสะดุด เมื่อดรัณย์วางท่าให้รีบสั่งเสียกันซะ
เวลามีไม่มากนัก ส้มเสี้ยวเลยด่าดรัณย์ไปหลายคำ

ศิศิราฝากบัวบุ ศดูแลธราเทพให้ดี บัวบุศรับปากแข็งขัน
เพราะเธอเองก็รักเจ้าชายยิ่งกว่าชีวิต...จากนั้นศิศิราจะขอไปห้องปักไหม
แต่มาลข่านปฏิเสธทันที อ้างว่าวันนี้ห้องปักไหม ปิดซ่อม ญาณีเลยตอก
หน้ามาลข่านว่า โกหกหน้าด้านๆ แกไม่มีสิทธิ์จำกัดบริเวณเจ้าหญิง

"วันนี้ห้ามใครเข้าออกห้องปักไหม นี่คือคำสั่งทีฑายุ พระสวามีอย่าง
เป็นทางการของเจ้าหญิงศิศิรา" ประสันต์

เน้นย้ำ ศิศิราหันขวับไปจ้องประสันต์อย่างไม่พอใจสุดๆ

ooooooo00000000000000000000000000

มงกุฏแสงจันทร์ 27/11/52


ตอนที่ 12 (ต่อจากวานนี้)

ทีฑายุกลับมาที่ห้องปักไหมเห็นสินาตี กำลังบงการนารียาแม่ของเขา
ให้เร่งมือปักผ้าให้เสร็จทันงานเลี้ยงวันพรุ่งนี้ ทีฑายุไม่พอใจเดินมาดึงผ้า
ออกจากมือแม่ วางลงตรงหน้าสินาตี

"ถ้ารีบมากก็ให้ข้าหลวงมาช่วยอีก 10 คน"

"ข้าหลวงพวกนั้นมันไร้ฝีมือ" สินาตีสวนทันควัน

"งั้นก็ควรให้เวลาแม่ผมมากกว่านี้ งานปักละเอียดลออต้องใช้ฝีมือไม่ใช่ฝีปาก"

"ไอ้ ทีฑายุ" สินาตีโมโหจะเอาเรื่อง นารียารีบลุกขึ้นห้ามลูกชาย
บอกว่าแม่ทำได้ กัญญาภัคเห็นว่าเรื่องจะบานปลายจึงขยับมาหานารียา
บอกว่าเธอจะเรียกรักเร่มาช่วย แต่ทีฑายุปฏิเสธเสียงแข็ง

"ไม่ต้องหรอกกัญญาที่จริงเธอไม่ควรหวังดี จนพาแม่พี่มาที่นี่ด้วยซ้ำ"

"กัญญาเห็นว่ามันเป็นวันสำคัญของครอบครัวเรา"

"อย่า เรียกมันว่าครอบครัว พวกมันเป็นกาฝากมาพึ่งไม้ใหญ่อย่างเรา"
สินาตีขึ้นเสียง สีหน้าเหยียดหยันสองแม่ลูก ทันใดนั้นเองศิศิราก้าวเข้ามา
โดยมีญาณีตามหลัง ศิศิราสั่งญาณีไปตามนางข้าหลวงที่ปักผ้าเก่งที่สุด
ของเธอมาห้องนี้ให้หมด ญาณีรับคำแล้วหันกลับออกไปทันที

ทุกคนในห้องมองศิศิราเป็นตาเดียว กัญญาภัคหมั่นไส้ แขวะศิศิราฉลาดมาก
ที่คิดจะผูกใจแม่สามีด้วยการเป็นสะใภ้ใจบุญ แต่เปล่าเลย ศิศิราอธิบายว่า
ครั้งหนึ่งนารียาเคยให้ที่พักยามเธอหนีร้อนไปพึ่งเย็น บุญคุณวันนั้นเธอ
จะขอตอบแทนให้หมดสิ้นกันในวันนี้

"หม่อมฉันเข้าใจ แล้วเพคะ แม่ตัวก็ปกป้องไม่ได้มาคนนึงแล้ว
ก็เหลือแต่แม่สามีที่ยังพอจะเหลือรอดให้ช่วย แต่ก็ไม่แน่นักหรอกว่า
จะลงเอยแบบเดียวกันหรือเปล่า" ท้ายประโยคกัญญาภัคลดเสียงลง
ได้ยินกันแค่สองคน...นารียาเห็นสีหน้าศิศิราไม่ สู้ดี รู้สึกเห็นใจเธอเหลือเกิน...

ด้านองครักษ์ผู้จงรักภักดีอย่าง มาณสิงห์ เวลานี้เขาและธนูเพลิงกำลัง
ถูกทหารทรมานอยู่ในคุก ด้วยวิธีช็อตไฟฟ้าเข้าร่างกายจนดิ้นพราด
โดยมีรามปุระกับทาอูผู้บงการยืนดูอย่างสะใจ แต่วิชัยกับสันธิทนดู
ไม่ไหวเดินหนีไปอย่างหัวเสีย จนกระทั่งรามปุระกับทาอูก้าวออกมาพ้นคุก
วิชัยจึงเปิดฉากต่อว่าอย่างไม่เห็นด้วย

"แค่คุมตัวก็พอแล้ว ไม่ถึงกับต้องลงโทษแบบเชลย"

ราม ปุระเถียงว่า ทหารที่เอาระเบิดผูกติดตัวหวังฆ่าผู้บังคับบัญชาถือว่า
เป็นทหารชั้นเลวสุด ไม่ต่างกับเชลยสงคราม สันธิโต้ทันทีว่า
ลูกของตนทำตามคำสัตย์ ว่าทหารจะจงรักภักดี

"จงรักภักดีกับใครถึงคิดจะฆ่าประมุขอย่างท่าน โกญจนาท" ทาอูตั้งคำถาม
วิชัยทำท่าจะเถียง แต่ทาอูชิงดักคอ "นายพลวิชัยอย่าเพิ่งทำหน้าตา
อยากเถียงก็เห็นๆกันอยู่ว่า ประมุขในที่ประชุมเสนาบดีทุกครั้งคือท่าน
โกญจนาท ไม่ใช่กษัตริย์ธราเทพ"

"พวกแอบอ้างพระราชอำนาจ ไม่เคยตายดี" วิชัยคำราม

ทา อูกับรามปุระเหยียดยิ้มไม่กลัว ซ้ำยังปากกล้าเปรยกันว่า หลังงานเลี้ยงแต่งงาน
ของเจ้าหญิง เราจะเปิดศาลทหารสอบสวนไอ้พวกทหารดื้อด้านให้หลาบจำ..
.วิชัยตาขวางมองตามสอง คนไป ก่อนหันมากระแทกเสียงใส่สันธิ

"คนที่ผลักเจ้าหญิงไปสู่นรกขุมนี้...คือลูกชายท่าน"

สันธิฟังแล้วยิ่งเครียด...

ooooooo

หลัง จากญาณีไปเกณฑ์นางข้าหลวงฝีมือดีมาช่วยงานนารียาปักผ้าให้สินาตี
แม้เหตุผลของศิศิราจะฟังดูไม่ดีนัก แต่นารียาก็ซาบซึ้งเพราะรู้ว่าลึกๆแล้วศิศิราจิตใจดีเพียงใด

"ขอบ พระทัยเจ้าหญิงที่ทรงกรุณาหม่อมฉัน...หม่อมฉันขอแสดงความเสียใจ
กับความสูญ เสียของพระองค์ และขอได้โปรดอภัยในสิ่งที่ลูกชายของหม่อมฉันล่วงเกินพระเกียรติยศ"

"เราไม่อยากเห็นคนถูกทำร้ายเหมือนเรา แต่ก็ไม่ได้หวังว่าความดีจะชะล้างจิตใจหยาบกระด้างได้"

ทีฑายุรู้ตัวว่าถูกแขวะ ทำสุ้มเสียงกวนๆใส่ศิศิรา "อื้อหือ ไม่ทวงบุญคุณเลย"

"ลูกควรจะขอบพระทัยเจ้าหญิง"

"เอาไว้หลังงานเลี้ยงพรุ่งนี้ดีกว่าครับ ผมจะขอบพระทัยสองต่อสองให้หนำใจ"
ทีฑายุทำตาแพรวพราวใส่ ศิศิราเห็นแล้วโมโหเดินเร็วออกไป

"นิสัย หยาบคายไม่ให้เกียรติผู้หญิงไม่เคยมีอยู่ในสาย เลือดพ่อนะทีฑายุ"
ทีฑายุมองแม่ที่ดุด้วยความไม่พอใจ สายตาพลันอ่อนลง เจือด้วยความละอาย "
แล้วการแต่งงานสมควรเกิดจากความรักความผูกพันจากใจของคนสองคน"

"เกิดจากความอาฆาตก็ได้ครับแม่ มันจะได้ฝังลงไปในใจไม่ลบไปจากชีวิต"

"แม่ไม่เชื่อว่าองค์กษัตริย์สิปปภาสจะสั่งฆ่าพ่อ"

"แล้ว ใครล่ะครับ ที่จะใช้อำนาจบัดซบกลบความเลวไว้มิดชิด ขนาดที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง"
ทีฑายุย้อนด้วยแววตาคั่งแค้นกับอดีต...ข้างฝ่ายศิศิราหลบไปนั่งหน้าเศร้ารับ
ไม่ได้กับชะตากรรมที่ต้องแต่งงานกับทีฑายุจริงๆ โกญจนาทก้าวมายืนเบื้องหน้า
ถามศิศิราว่า เตรียมตัวเตรียมใจพร้อมหรือยังสำหรับงานฉลองที่ตนจัดให้

"มันไม่ใช่งานฉลอง แต่เป็นงานรวมตัวของคนอัปมงคลแก่แผ่นดิน"

"ราช นิกูลต้องเอ่ยแต่วาจาที่มีคุณค่านะพระเจ้าค่ะ ควรจะเตรียมตัวให้พร้อม
อย่าให้กระหม่อมต้องอายขายหน้ามหามิตรจากแคว้นนิราษิณอย่างองค์กษัตริย์รา
เชนทระ ที่ทรงสนิทชิดเชื้อกับครอบครัวเจ้าหญิงมานาน อย่าให้พระองค์ตำหนิได้ว่า
เราดูแลต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัวไม่สมเกียรติ หลานสะใภ้"
โกญจนาทยิ้มมีความสุข แต่ยิ่งเพิ่มความเกลียดชังให้ศิศิรา...

ooooooo
อ่านต่อหน้า2

ภาพมงกุฎ1

มงกุฏ2

มงกุฎ3

แฟนคลับร่วมด้วยช่วยทำ

วันเปิดตัว ละคร รักวุ่น...ลุ้นรัก

น้องนิค คลับน้องนุ่นน

จาก แฟนคลับนุ่น โดยคุณนุจ





รายการบล็อกของฉัน

ผู้ติดตาม